หลายๆ คนอาจจะคิดว่าสิวจะผ่านพ้นไปตามอายุ แต่ความจริงแล้วสิวสามารถเกิดขึ้นได้ในระหว่างตั้วครรภ์ โดยประมาณครึ่งหนึ่งของผู้หญิงตั้งครรภ์เกิดสิวและอาจทำให้หลายๆคนเครียด
สิวคืออะไรน้า?
💊 สิวคือ
ปัญหาผิวหนังประเภทหนึ่งที่ผิวผลิตน้ำมันมากและสะสมจนรูขุมจนอุดตัน🛢️ และกลายเป็นสิวหัวดำและสิวเสี้ยน โดยเมื่อเชื้อแบคทีเรียรวมกันก็จะกลายเป็นสิวอักเสบโดยมีลักษณะแดงบวม และมีหนองอยู่ด้านใน โดยสามารถเกิดได้ทั่วหน้าโดยเฉพาะบริเวณหน้าผาก จมูกและคาง บางคนอาจพบสิวในบริเวณหลัง ไหล่ หรือหน้าอกได้อีกด้วย😟
💊 สาเหตุของสิวที่เกิดขึ้นในช่วงตั้งครรภ์
การเป็นสิวในช่วงที่ตั้งครรภ์นั้นส่วนใหญ่จะเกิดจากฮอร์โมนที่มีการเปลี่ยนแปลงในระหว่างการตั้งครรภ์🙆♀️ อย่างฮอร์โมนเอสโตรเจนโปรเจสเตอโรน ซึ่งถือเป็นสาเหตุหลีกของการเกิดสิวอักเสบและสิวอุดตัน📈รวมถึงฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนและแอนโดรเจน จะทำให้เกิดการผลิตไขมัน และเปลี่ยนแปลงปริมาณน้ำตาลในเลือด และยังมีฮอร์โมนอินซูลินที่จะเป็นตัวกระตุ้นการผลิตน้ำมันบนผิวหน้าซึ่งพอผลิตมากเกินไปก็จะทำให้รูขุมขนอุดตันนั่นเอง
ซึ่งฮอร์โมนเหล่านี้มีส่วนช่วยในการพัฒนาของทารก👶ให้เติบโตอย่างสมบูรณ์และยังมีส่วนในการส่งสารอาหารที่จำเป็นผ่านทางรกให้ทารกอีกด้วย ในไตรมาสสุดท้ายระดับฮอร์โมนแอนโดรเจนของคุณแม่จะเพิ่มสูงสุดช่วงตั้งซึ่งจะส่งผลให้เกิดสิวอักเสบมากขึ้น✋
วิธีจัดการกับสิวช่วงตั้งครรภ์
💊 วิธีการล้างหน้า
บางคนอาจคิดว่าการดูแลรักษาความสะอาดผิวหน้าเพียงพอต่อการลดสิวได้ แต่ว่าไม่ใช่เสมอไปนะคะ เพราะสิวที่เกิดระหว่างการตั้งครรภ์นั้นจะต้องได้รับการดูแลมากกว่านั้น
เวลาล้างหน้าอย่าใช้น้ำอุ่นหรือร้อนจนเกินไป🌊 และให้ล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ความสะอาดผิวหน้า🧼ที่อ่อนโยนต่อผิวหน้าและที่สำคัญ ต้องปราศจากน้ำหอมด้วยนะคะ! อย่าใช้สครับสครับผิวหน้าเพราะอาจทำลายเกราะปกกันผิวและทำให้ผิวหน้าแย่ลงได้ และเวลาเช็ดหน้าควรใช้ผ้านุ่ม ๆ และคอยหมั่นทำความสะอาดผ้าบ่อยๆ และผ้าควรเป็นผ้าแห้งไม่เปียกชื้น
ที่สำคัญการล้างหน้า🌊บ่อยมากกว่าวันละ 2 ครั้งอาจทำให้ผิวหน้าแห้งกว่าเดิม ดังนั้นไม่ควรล้างหน้าบ่อยจนเกินไปนะค่ะ เวลาใช้สำลีเช็ดเครื่องสำอาง💄ออกก็ไม่ควรนำมาใช้ซ้ำอีก และให้ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าหลังออกกำลังกาย
💊 ที่สำคัญ..
การเลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์มีส่วนสำคัญอย่างมาก โดยพยายามเลือกมอยส์เจอไรเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิวของตัวเองและปราศจากน้ำหอมจะดีที่สุด พยายามหลีกเลี่ยงแสงแดง☀️ เพราะแสงแดงนอกจากจะทำร้ายผิวแล้วหากมีเหงื่อออกก็จะกระตุ้นสิวให้อักเสบมากขึ้น
ควรหมั่นทำความสะอาดปลอกหมอน อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง และสระผมเป็นประจำ🛀 ไม่ควรรวบผมมาโดนใบหน้า และคอยล้างมือให้สะอาด และหลีกเลี่ยงการใช้มือจับบริเวณใบหน้านะคะ🙆♀️