เมื่อลูกของคุณพ่อคุณแม่เข้าสู่วัย 2 ขวบ อาจจะเริ่มสังเกตได้ว่าลูกเริ่มมีอารมณ์เกรี้ยวกราดมากขึ้น และมีพฤติกรรมแปลกต่างๆ ซึ่งพฤติกรรมเหล่านั้นบ่งบอกอะไรบ้างเราไปดูกันค่ะ
ลูกทำแบบนี้แปลว่า?
✨นอนกับเล่นมากมาย
เมื่อลูกโตขึ้นอยู่ๆ ลูกก็อยากขนตุ๊กตา🧸นู่นนี่เข้าไปนอนด้วยเต็มไปหมด ทั้งๆที่เมื่อก่อนก็สามารถนอนได้คนเดียว นั่นแปลว่าลูกเริ่มมีจินตนาการโดยใช้ตุ๊กตาและของเล่นอื่นๆ ซึ่งไม่ได้มีผลเสียอะไรค่ะ
✨แอบขับถ่าย
คุณอาจพบว่าลูกอาจถ่าย💩ออกมาโดยไม่ได้บอก โดยการไปหลบหลังสิ่งของหรือ เฟอร์นิเจอร์ ซึ่งแปลว่าลูกต้องการมุมสงบและความเป็นส่วนตัว โดยคุณสามารถเริ่มฝึกลูกให้หัดเข้าห้องน้ำได้ตั้งแต่วัยนี้ค่ะ
✨หึงหวง
ลูกจะมีพฤติกรรมการหึงหวงแม่👩 หรือของบางอย่าง เมื่อลูกรู้สึกว่าเขาไม่ได้รับความสำคัญเพียงพอ คุณแม่สามารถบอกรักลูก และกอดลูกบ่อยๆ จะทำให้ลูกรับรู้ความรักที่มีต่อลูกแน่นอนค่ะ
แบบนี้แปลว่า...?
✨ขว้างปาสิ่งของ
คุณพ่อคุณแม่อาจพบว่าลูกเริ่มทำลายข้าวของโดยการ โยนขว้างทิ้ง ไม่ว่าจะเป็นของเล่น อาหาร🍲 เมื่อลูกไม่พอใจ นั่นเป็นเพราะว่าลูกยังไม่สามารถจัดการอารมณ์ของตนเองได้ และอยากได้รับความสนใจจากพ่อแม่นั่นเองค่ะ
✨ใจร้อน ปุดๆ
ในวัยนี้ลูกต้องการเป็นตัวของตัวเอง มีความใจร้อน🔥 และต้องการได้รับการตอบสนองให้เร็วที่สุด วิธีที่คุณแม่สามารถทำได้คือ ไม่ตอบสนองการเรียกร้องของลูกเร็วเกินไป ตอบสนองเร็วในยามจำเป็นจริงๆเท่านั้น
✨กลัวบางอย่าง
ลูกอาจเริ่มกลัวอะไรหลายๆอย่างเช่น บันไดเลื่อน ตู้เสื้อผ้า เตียง🛏️ ให้พยายามอธิบายให้ลูกเข้าใจว่าไม่มีอะไรต้องกลัวและปลอบลูกค่ะ
ทำไมลูกถึงเกรี้ยวกราด..?
✨ทำไมลูกถึงดื้อเฉพาะตอนอยู่กับเรา
เมื่อลูกอายุ 2 ขวบ เขาจะยังไม่ไว้ใจคนอื่น แต่เมื่ออยู่กับพ่อแม่เขารู้ว่าพ่อแม่รักเขาและจะคอยช่วยเหลือเขาทันทีหากมีปัญหา ลูกอาจมีการร้องสะอึกสะอื้น😭เมื่อต้องแยกกับคุณพ่อคุณแม่ไปกับคุณยาย หรือ พี่เลี้ยง หรืออาจร้องไห้โวยวาย และโกรธ สิ่งที่คุณแม่ทำได้คือ พยายามนิ่งและใจเย็นจนกว่าลูกจะเงียบลง โดยไม่ควรไปลงโทษนะคะ
✨รับมือลูกอย่างไรดี
ในการรับมือกับลูกวัย 2 ขวบนั้นคุณจะต้องมีความใจเย็นและมีความสม่ำเสมอในการอธิบายให้ลูกฟังด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดุหรือเย็นชา และให้ชมลูกทุกครั้งเมื่อลูกสามารถทำได้ เช่น ใส่เสื้อผ้าเองได้👚 ทานอาหารเองได้ และอะไรอื่นๆที่ทำและสำเร็จได้ด้วยตนเอง รวมถึงเมื่อเข้ากับเพื่อนได้ดี
แต่หากลูกมีการเก็บตัวและดูซึมเศร้าตลอดเวลานั่นอาจเป็นสาเหตุจากความเครียดบางอย่างที่ลูกซ่อนไว้หรืออาจมีปัญหาทางร่างกาย ควรพาลูกไปพบคุณหมอ👩⚕️เพื่อตรวจหาสาเหตุจะดีที่สุดนะคะ