อาการคางสั่นมักจะพบได้ในเด็กแรกเกิด โดยจะมีอาการปากสั่นหรือคางสั้นในตอนที่ร้องไห้นั่นเองค่ะ ซึ่งเป็นอาการที่สามารถพบได้ในเด็กแรกเกิด👶หลังคลอด ซึ่งในวันนี้เราจะไปทำความรู้จักกับอาการคางลั่นกันให้มากขึ้นกันค่ะ
คางลั่นในทารกอันตรายไหม?
เมื่อลูกน้อย👶คางลั่น หรือ มีการขยับปากขึ้นๆลงๆก่อนกินนม หรือ หลังจากการร้องไห้ ก็ไม่ต้องตกใจไปนะคะ เพราะอาการคางลั่นนี้เป็นการตอบสนองของร่างกายของเด็กที่ยังไม่สามารถควบคุมส่วนต่างๆของร่างกายได้ดีนัก เนื่องจากระบบประสาทยังทำงานได้ไม่เต็มที่
นอกจากนั้นในขณะที่คางลั่น แขนและขาของลูกก็จะมีอาการสั่นร่วมด้วย ซึ่งภาวะเหล่านี้เป็นอาการปกติที่เกิดขึ้นได้กับเด็กแรกเกิดและจะหายไปเองเมื่ออายุ 1ถึง 2 เดือนค่ะ
สาเหตุของอาการคางลั่นในทารก
สาเหตุต่างๆ ที่ทำให้เกิดคางลั่น
นอกจากสาเหตุที่มาจากการทำงานไม่เต็มที่ของกล้ามเนื้อและระบบประสาทแล้วก็ยังมีสาเหตุอื่นๆอีกดังต่อไปนี้
✨เมื่อลูก👶ดูดนมเป็นเวลานานจนทำให้เมื่อยปากและคาง
✨มีอุณหภูมิร่างกายต่ำกว่าปกติ
✨ร่างกายขาดวิตามินดี💊
✨มีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
หากลูกมีอาการปากสั่นหรือคางลั่นให้ลองให้นมจากเต้าดู แต่หากลองแล้วก็ยังพบอาการปากสั่นอยู่ควรจะพาลูกน้อยไปพบแพทย์👩⚕️เพื่อตรวจความผิดปกตินะคะ
อาการอื่น ๆ ที่อาจพบได้ในเด็กแรกเกิด
เพราะทารก👶ยังมีการทำงานของระบบประสาทและร่างกายส่วนต่างๆยังไม่เต็มที่ดังนั้นเราอาจพบเจอกับอาการแปลกที่ไม่ได้เป็นอันตรายดังนี้ค่ะ
✨เวลาร้องไห้จะตัวสั่น
✨หายใจไม่สม่ำเสมอ
✨หายใจมีเสียง
✨กระตุกเวลานอน💤
✨สำลักตอนกินนม/กินอาหาร
ควรพาลูกไปพบหมอเมื่อไหร่?
คุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกน้อยไปพบแพทย์ทันทีเพื่อพบอาการดังต่อไปนี้นะคะ
✨มีอาการชัก
✨มีไข้🌡️
✨หายใจติดขัด
✨เสียงหายใจดังกว่าปกติ
✨ใบหน้า ริมฝีปาก หรือลิ้นมีสีคล้ำ👅
✨มีเสียงร้องออกมาตอนที่หายใจ
✨นอนหลับไม่ตื่น ปลุกแล้วก็ไม่ตื่น💤
✨ไม่ขยับตัว
✨ร่างกายอ่อนแอมากเป็นพิเศษ
✨ร้องไห้อย่างอ่อนแรงและเงียบไป ก่อนจะกลับมาร้องไห้ใหม่
✨ไม่ยิ้ม/หัวเราะเวลาที่เล่นด้วย
✨พัฒนาการเรียนรู้ไม่ดีขึ้น
✨มีการขยับปากลำบาก
ซึ่งในเด็กบางคนอาจมีอาการปากลั่นจนถึงอายุ 4 ขวบได้เลย ซึ่งอาจมาจากการเคลื่อนไหวที่ยังพัฒนาไม่เต็มที่ หรืออาจมาจากระบบประสาท หรือ พันธุกรรมก็เป็นได้ค่ะ ซึ่งหากผู้ปกครองมีความไม่สบายใจ หรือ กังวลใจก็สามารถพาลูกไปปรึกษากับคุณหมอได้นะคะ