ในคุณแม่ที่ตั้งครรภ์อาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด ซึ่งจะมีอากาการคือตกขาว และมีกลิ่น สามารถพบได้ในผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ประมาณ 10-30% โดยอาจเกิดจากความไม่สมดุลของเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด
อาการของการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด
การติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลองของหญิงตั้งครรภ์
สำหรับผู้ที่ติดเชื้อนั้น🦠 ผู้ป่วยอาจมีอาการ หรือ ไม่มีอาการก็ได้ ผู้ที่มีอาการนั้นจะมีการตกขาวเป็นสีขาว หรือ เทา และจะมีกลิ่นคาวปลา
ในการวินิจฉัย แพทย์จะตรวจตกขาวด้วยการใช้การตรวจสไลล์โดยการใช้กล้องจุลทรรศน์🔬 หรือ ตรวจโดยใช้สไลล์สด
มีผลอย่างไรต่อการตั้งครรภ์?
มีนักวิจัยหลายๆท่านที่พบการเชื่อมโยงของโรคแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้เมื่อมีการติดเชื้อแบคทีเรีย🦠 ในช่องคลอด อย่างทารกมีน้ำหนักน้อยเมื่อแรกเกิด ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนการเจ็บคลอด หรือ การแท้งเป็นต้น
เหตุผลที่ควรตรวจ
ควรตรวจเมื่อมีอาการ
หากคุณแม่ที่ตั้งกำลังครรภ์กำลังมีอาการของการติดเชื้อแบคทีเรีย🦠 ในช่องคลอด ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) ได้มีการแนะนำว่าควรจะไปตรวจคัดกรองและทำการรักษา รวมถึงท่านใดที่เคยมีประวัติคลอดบุตรก่อนกำหนดมาก่อน ก็ควรจะทำการตรวจเพื่อสุขภาพของมารดา🤰และทารกในครรภ์ค่ะ
แล้วหากไม่มีอาการควรตรวจด้วยไหม?
สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ไม่มีสัญญาณหรืออาการของการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอดก็อาจจะไม่จำเป็นต้องตรวจหาก็ได้ค่ะ แต่หากท่านใดมีความกังวลและอยากจะตรวจ ควรจะปรึกษากับคุณหมอ👨⚕️ก่อนนะคะ ว่าควรจะตรวจหรือไม่
วิธีการรักษาการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอดในคุณแม่ที่ตั้งครรภ์
คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ควรเข้ารับการรักษา เพื่อป้องกันการคลอดก่อนกำหนด ซึ่งสามารถรักษาได้ ตามนี้
ทานยาการรักษาเฉพาะจุด💊
คุณหมออาจพิจารนาให้ ยาเมโทรนิดาโซล (metronidazole) หรือ ยาคลินดามัยซิน (clindamycin) ทานเป็นเวลา 2 ครั้ง/วัน นาน 1 อาทิตย์
ยาปฏิชีวนะ
แมคโดนัลด์ เอช โบรค็อกเคิลเฮอร์สท์ พี👨🔬 และพาร์สันส์ เจ👨🔬ได้ทำการศึกษาในปีพ.ศ. 2548 พบว่ายาปฏิชีวนะสามารถรักษาการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอดได้ค่อนข้างดี และ ยังสามารถช่วยลดโอกาสของทารกน้ำหนักตัวน้อยเมื่อคลอด และลดโอกาสเสี่ยงถุงน้ำคร่ำแตกก่อนเจ็บคลอดอีกด้วย