หลายๆคนอาจจะยังไม่ทราบว่าการที่คุณพ่อคุณแม่ต้มขวดนมให้เจ้าตัวเล็กเพื่อความสะอาดนั้นความจริงแล้วกลับกลายเป็นทำไมมีไมโครพลาสติกหลุดออกมามาก! และที่น่าตกใจคือไมโครพลาสติกเหล่านั้นสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ด้วย
ไมโครพลาสติกอันตรายใกล้ตัว
ไมโครพลาสติกในขวดนม
โดยเรื่องนี้มีการวิจัยโดยนักวิจัยในต่างประเทศ พบไมโครพลาสติกรั่วจากขวดนม🍼เมื่อนำขวดนมทารกไปต้มก่อนใช้งาน ซึ่ง มักเป็นพฤติกรรมที่คุณพ่อคุณแม่มักจะทำเพื่อหวังว่าขวดน้ำที่ให้ลูกใช้จะสะอาด โดยที่ไม่รู้เลยว่าการทำเช่นนั้นจะทำให้ลูกน้อยอาจต้องรับไมโครพลาสติกในปริมาณมาก และอาจมากถึง 1.6 ล้านอนุภาคต่อวันเลยทีเดียว😨
ซึ่งภายในปีหลังๆมานี้
ผู้คนทั่วโลกก็ตื่นตกใจกับข่าวที่ว่าไมโครพลาสติดสามารถแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของมนุษย์ได้ ทุกเพศทุกวัย ซึ่งสามารถผ่านได้หลายทางไม่ว่าจะเป็นจากอากาศที่เราหายใจ จากขวดน้ำ จากน้ำประปา🚰 เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาหารทะเลและอื่นๆ
โดยนักวิจัยได้ออกมากล่าวว่า
มีความเป็นไปได้ที่เมื่อนำขวดนมไปฆ่าเชื้อก็มีความเป็นไปได้ที่ขวดนมจะปล่อยไมโครพลาสติกออกมา ซึ่งนักวิจัยได้ทดลองนำขวดนมทารกมาหาไมโครพลาสติก โดยแช่ในน้ำร้อนที่ร้อนถึง 90 องศา🌡️ หลังจากนั้นก็ชงนมผงในน้ำร้อน 70 องศา ซึ่งผลพบว่ามีไมโครพลาสติกออกมาเป็นจำนวนมาก และยังมีขนาดเล็กมากๆอีกด้วย
เปลี่ยนวิธีการล้างขวดนมอย่างไรดี?
เมื่อทราบถึงความอันตรายของไมโครพลาสติกแล้วเราก็มาดูถึงวิธีการรับมือกันดีกว่าคะ ซึ่งนักวิจัยได้ให้การแนะนำในการดูแลรักษาขวดนม🍼 และการชงนมอย่างปลอดภัยจากไมโครพลาสติกได้ดังนี้
วิธีการทำความสะอาดขวดนมแบบปลอดไมโครพลาสติก
✨หากคุณพ่อคุณแม่ต้องการจะฆ่าเชื้อขวดนมด้วยความร้อนให้ต้มในภาชนะที่ไม่ใช่พลาสติกอย่างสเตนเลสหรือแก้ว
✨เมื่อต้มเสร็จแล้วให้นำขวดนมไปล้างน้ำเปล่าที่อุณหภูมิห้องอย่างน้อย 3 ครั้งเพื่อขจัดไมโครพลาสติกออกไป
✨เตรียมนมแม่หรือนมผงตามปกติ
วิธีการชงนมผงแบบปลอดไมโครพลาสติก
✨ให้คุณพ่อคุณแม่เตรียมน้ำต้มสุกใส่ในภาชนะที่เป็นแก้วหรืออื่นๆที่ไม่ใช่พลาสติก
✨จากนั้นให้ผสมนมผงลงกับน้ำที่มีอุณหภูมิประมาณ 70 องศาเซลเซียส
✨รอให้นมเย็นลงจนถึงอุณหภูมิห้องแล้สจึงเทลงในขวดนม เพื่อป้องกันการหลุดออกมาไมไมโครพลาสติก
✨รวมถึงคุณพ่อคุณแม่ไม่ควรเขย่ขวดนมแรงๆ หรือ นำนมที่ใส่ลงในขวดนมไปแล้วมาอุ่นซ้ำเพราะอาจทำให้ไมโครพลาสติกปนเปื้อนออกมาได้ค่ะ
✨เมื่อคุณพ่อคุณแม่ทราบถึงความอันตรายของไมโครพลาสติกแล้วก็อย่าลืมนำข้อแนะนำของนักวิจัยไปปฏิบัติตามกันได้นะคะ