post-title

อาการแบบนี้ตั้งครรภ์หรือเปล่า?

คุณผู้หญิงหลายๆท่านที่มีอาการประจำเดือนมาไม่ปกติคงเคยสงสัยว่าตนเองกำลังตั้งครรภ์หรือเปล่า? หรืออาจกังวลใจว่าอาการแบบนี้คืออาการของคนที่กำลังจะเป็นคุณแม่ป้ายแดงหรือเปล่านะ? วันนี้ทางเรามีคำตอบที่จะมาไขข้อข้องใจให้กับคุณผู้หญิงทั้งหลายถึงสาเหตุของประจำเดือนมาไม่ปกติ วิธีการตรวจสอบว่าเรากำลังตั้งครรภ์จริงหรือไม่ รวมถึงอาการในช่วงตั้งครรภ์ต่างๆด้วยค่ะ


สาเหตุของประเดือนขาดหรือมาไม่ปกติ

ความจริงแล้วการที่ประจำเดือนขาดไปนั้นสามารถมีสาเหตุได้จากหลากหลายปัจจัย ที่ไม่ได้แปลว่าเรากำลังตั้งครรภ์เพียงอย่างเดียว โดยสาเหตุที่ประจำเดือนเลื่อนหรือขาดไปนั้นมี ดังนี้

ความเครียด

หลายคนคงทราบดีอยู่เล้วว่าความเครียด😞นั้นส่งผลเสียต่อร่างกายเรามากเพียงใด ความเครียดไม่เพียงเเค่ส่งผลกระทบต่อด้านสุขภาพจิตเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายเรามากอีกด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเครียดนั้นเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ประจำเดือนเลื่อนออกไปตั้งเเต่ 1 สัปดาห์จนถึง 2 เดือนเลยก็เป็นได้😨 เพราะฉะนั้นหากเราไม่ได้มีพฤติกรรมเสี่ยง อย่างการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันก็ไม่ต้องกังวลใจไปนะคะ เพราะสาเหตุอาจมาจากความเครียดของคุณแม่นั่นเองค่ะ

น้ำหนักตัวน้อย

ในผู้ที่มีน้ำหนักน้อย ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนที่ทำให้ตกไข่มากขึ้น ซึ่งภาวะที่ร่างกายตกไข่บ่อยขึ้นเช่นนี้ จะส่งผลให้ประจำเดือนขาดหรือเลื่อนออกไปได้📅

น้ำหนักตัวที่มาก

ในผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก ร่างกายก็จะผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนออกมามากเช่นกัน ซึ่งภาวะที่ฮอร์โมนเอสโตรเจนมากเกินไปเช่นนี้ อาจส่งผลทำให้ประจำเดือนขาด🩸หรือเลื่อนออกไปได้ เพราะฉะนั้นเราจึงพบว่าผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากเกินไปนั้นจะมีอาการประจำเดือนมาไม่ปกติบ่อยกว่าผู้ที่มีน้ำหนักปกตินั่นเอง

เริ่มเข้าสู่วัยทอง

เมื่อเริ่มย่างเข้าสู่วัยทอง ร่างกายจะเริ่มผลิตฮอร์โมนลดลง ทำให้ไข่ตกอย่างไม่สม่ำเสมอหรืออาจจะไม่ตกเลยก็ได้ ซึ่งภาวะเช่นนี้ทำให้ประจำเดือนขาดหรือมาไม่ปกติเหมือนเเต่ก่อนนั่นเองค่ะ

โรคถุงน้ำรังไข่ผิดปกติ

โรคถุงน้ำรังไข่เกิดจากความผิดปกติของต่อมไร้ท่ออันส่งผลต่อการทำงานของฮอร์โมนและรังไข่ ซึ่งถ้าหากฮอร์โมนเเละรังไข่ทำงานผิดปกติแล้ว ร่างกายของเราก็จะมีฮอร์โมนเพศชายมากกว่าปกติ ประจำเดือนก็เลยมาไม่ปกติตามไปด้วยเช่นกัน โดยโรคถุงน้ำรังไข่ผิดปกตินี้พบได้ในผู้หญิง👩 ช่วงอายุระหว่าง 18-45 ปี นั่นเอง


ตรวจครรภ์อย่างไรให้ได้ผลชัวร์

การตรวจครรภ์ที่จะได้ผลแน่นอนที่สุดควรทำหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายไป 14-20 วัน ซึ่งบางคนตรวจเจอหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายไป 5-7 วัน แต่จะขึ้นขีดจางและอ่อนมากๆเนื่องจากอายุครรภ์ยังน้อยนั่นเอง ซึ่งการตรวจครรภ์นั้นสามารถทำได้ 2วิธี ดังนี้

ตรวจจากปัสสาวะ

วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายเเละสะดวกมาก🚽 เนื่องจากสามารถทำเองได้ที่บ้าน และอุปกรณ์ที่ใช้ในการตรวจก็หาซื้อได้ทั่วไป ผู้หญิงหลายท่านจึงนิยมใช้วิธีนี้กันมากในปัจจุบัน

ตรวจจากเลือด

วิธีนี้ไมค่อยแพร่หลายเเละเป็นที่นิยมมากนัก เนื่องจากไม่สามารถทำได้ด้วยตนเอง จะต้องไปโรงพยาบาลเพื่อเจาะเลือดตรวจเท่านั้น🩸


สัญญาณที่บอกว่าเรากำลังจะเป็นคุณแม่ป้ายแดง

อารมณ์แปรปรวน

เนื่องจากร่างกายกำลังปรับตัวรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ทำให้ส่งผลต่ออารมณ์เป็นอย่างมากจึงอาจอ่อนไหวง่าย หงุดหงิดหรือโกรธบ่อยมากขึ้น😡

คลื่นไส้เเละอาเจียน

ปกติอาการคลื่นไส้อาเจียน🤮จะเกิดขึ้นหลังจากมีการปฎิสนธิในร่างกายไปแล้วหนึ่งเดือน แต่ไม่ใช่ว่าคุณแม่ทุกคนจะมีอาการคลื่นไส้อาเจียนดังกล่าว บางคนอาจไม่มีอาการเหล่านี้เลยก็เป็นได้

ประจำเดือนขาด

หากเราเป็นคนประจำเดือนมาปกติสม่ำเสมออยู่ตลอด📅 แต่อยู่ดีๆประจำเดือนก็ขาดหายไป นี่อาจเป็นสัญญาณพื้นฐานที่บ่งบอกได้ว่าเรากำลังตั้งครรภ์ก็เป็นได้

คัดเต้านม

อาการคัดเต้านมนี้เกิดจากเลือด🩸 ไปหล่อเลี้ยงบริเวณเต้านมมากขึ้นจนมีอาการบวม ตึง และยังไวต่อความรู้สึกคล้ายๆช่วงมีประจำเดือนนั่นเอง

ปัสสาวะบ่อย

ในช่วงตั้งครรภ์ ร่างกายจะผลิตเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆมากขึ้น ทำให้ไตทำงานหนักและมีการขับของเสียออกจากร่างกายมากขึ้น เราจึงปัสสาวะบ่อยกว่าปกตินั่นเอง🚽 

อาการท้องผูก

เกิดจากการที่ฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนแปลง ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ช้าลง อีกทั้งในช่วงตั้งครรภ์มดลูกจะขยายตัวมากขึ้น ทำให้ไปกดทับลำไส้อันก่อให้เกิดอาการท้องผูกนั่นเอง😔