post-title

ท้องหรือไม่ ตรวจได้กี่วิธี?

ท้องรึเปล่า? มักเป็นหนึ่งในคำถามที่ผู้หญิงหลายๆคนสงสัยกัน โดยเฉพาะช่วงที่ประจำเดือนขาด วันนี้เรามีเคล็ดลับง่ายๆ ในการตรวจครรภ์มาฝากกัน โดยแบ่งเป็นตรวจด้วยตัวเอง 4 วิธี และตรวจโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ 3 วิธี


ตรวจด้วยตนเอง

การตรวจด้วยตัวเองแบบจุ่ม (Test Strip)

การตรวจนี้ เป็นการตรวจที่ง่าย ถูก และสะดวก โดยจะใช้อุปกรณ์คือ แผ่นทดสอบการตั้งครรภ์ และถ้วงตวงปัสสาวะ วิธีการใช้งานคือ ปัสสาวะลงบนถ้วยตวง🧪 จากนั้นนำแผ่นทดสอบการตั้งครรภ์จุ่มลงในถ้วยตวง 3-5 วินาที และนำออกมาวางไว้ในแนวนอนราบกับพื้นที่แห้งสนิท รอประมาณ 5 นาที เพื่ออ่านผล ข้อควรระวังคือ ขณะนำแผ่นทดสอบจุ่มต้องระวังไม่ให้ปัสสาวะสูงกว่าขีดลูกศรของแผ่นทดสอบ เพราะแผ่นทดสอบจะเสื่อมสภาพได้

การตรวจด้วยตัวเองแบบหยด หรือแบบตลับ (Pregnancy Test Cassette)

การตรวจนี้จะดีกว่าแบบจุ่ม หรือ Test Strip ที่ไม่ต้องระวังเรื่องแผ่นทดสอบ ซึ่งลดการเสื่อมสภาพของแผ่นทดสอบได้ โดยจะใช้อุปกรณ์คือ หลอดหยด ตลับตรวจครรภ์ และถ้วยตวงปัสสาวะ วิธีการใช้คือ ปัสสาวะลงบนถ้วยตวง แล้วนำหลอดหยดนํ้าดูดปัสสาวะ และหยดลงบนตลับตรวจครรภ์ ประมาณ 3-4 หยด วางตลับไว้ราบกับพื้นแห้ง รออ่านผล 5 นาที⏱️

การตรวจด้วยตัวเองแบบปากกา หรือปัสสาวะผ่าน (Pregnancy Midstream Tests)

วิธีนี้มีข้อดีคือ ใช้งานง่าย ตรวจแล้วทิ้ง และไม่ต้องตวงปัสสาวะเหมือนวิธีก่อนหน้า ซึ่งเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมสูง👍 โดยใช้อุปกรณ์เพียงแท่งตรวจครรภ์เพียงอย่างเดียว วิธีการคือ ถอดฝาครอบออก โดยให้หัวลูกศรของแท่งตรวจครรภ์ชี้ลงพื้น แล้วปัสสาวะผ่านบริเวณตํ่ากว่าลูกศรให้ชุ่ม ประมาณ 30 วินาที จากนั้นนำมาวางไว้แนวราบ รอผลประมาณ 3 - 5 นาที

การตรวจด้วยตัวเองแบบดิจิตัล (Digital Pregnancy Test)

วิธีนี้มีการใช้งานเหมือนการตรวจแบบปากกา🖊️ (Pregnancy Midstream Tests) เพียงแค่ต่างกันตรงที่ อุปกรณ์เป็นการแสดงผลเป็นแบบดิจิตัล ทำให้ผลที่ออกมามีความแม่นยำสูงขึ้น วิธีการใช้คือ ถอดฝาครอบแท่งตรวจครรภ์ ให้ลูกศรของแท่งชี้ลงพื้น จากนั้นปัสสาวะผ่านบริเวณตํ่ากว่าลูกศรให้ชุ่ม รอประมาณ 5 - 30 วินาที แล้ววางแท่งตรวจนาบกับพื้น และรออ่านผลตรวจ 3 - 5 นาที


ตรวจโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

การตรวจตั้งครรภ์จากปัสสาวะ (Urine Pregnancy Test: UPT)

การตรวจด้วยวิธีนี้ เป็นการตรวจโดยนำปัสสาวะส่งตรวจที่ห้องแลบที่ผ่านการวิเคราะห์ผลโดยเทคนิคการแพทย์ ซึ่งมีข้อดีที่ราคาประหยัด ตรวจง่าย ไม่ต้องเจาะเลือด แต่วิธีนี้จำเป็นต้องนำปัสสาวะไปส่งตรวจภายใน 1 ชั่วโมง หรือ 24 ชั่วโมง หากเก็บไว้ในตู้เย็น ซึ่งในการอ่านผลตรวจนี้จะอ่านผลจากค่าฮอร์โมน HCG อย่างไรก็ตามวิธีนี้ ผลอาจมีคาดเคลื่อนจากสารปนเปื้อน เช่น อาหาร หรือยาที่รับประทานระหว่างวัน รวมทั้งการดื่มนํ้า🌊ที่มาก จะทำให้ผลของฮอร์โมน HCG เจือจางลง

การตรวจตั้งครรภ์แบบเจาะเลือด (Blood Test)

การตรวจด้วยวิธีนี้ จะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการส่งตรวจปัสสาวะที่ห้องแลบ (UPT) แต่จะให้รู้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ และเป็นข้อมูลในการวางแผน เพื่อป้องกันการแท้งบุตรได้ ซึ่งตรวจได้ตั้งแต่ 8 - 10 วันหลังปฏิสนธิ โดยมีวิธีการตรวจอยู่ 2 รูปแบบ แบบที่ 1 เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรู้ผลว่าตั้งครรภ์หรือไม่เท่านั้น จะเป็นการตรวจเพื่อวัดคุณภาพของฮอร์โมน HCG (Qualitative blood test) ซึ่งจะทราบผลภายในวันที่เจาะเลือด🩸 และแบบที่ 2 เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรู้ลึกถึงอายุครรภ์ และดูความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ ซึ่งก็คือ การตรวจเพื่อหาปริมาณ HCG (Quantitative blood test) โดยจะรู้ผลหลังจากเจาะเลือดประมาณ 1-3 วัน

การตรวจการตั้งครรภ์ด้วยอัลตราซาวด์ (Ultrasound)

วิธีการตรวจด้วยอัลตราซาวด์ จะเป็นการใช้เครื่องอัลตราซาวด์ส่งคลื่นเสียงความถี่สูงไปยังช่องท้อง และสร้างภาพขึ้นมา ซึ่งวิธีนี้จะนำทีมโดยแพทย์เฉพาะทางด้านสูตินรีเวช ในการตรวจด้วยวิธีนี้ จะทำได้ตั้งแต่ครรภ์อายุประมาณ 5 - 6 สัปดาห์ และสามารถบ่งบอกรายละเอียดได้หลายอย่าง เช่น ตั้งครรภ์แฝด มีการท้องนอกมดลูก มดลูกมีก้อนเนื้องอก ถุงน้ำ หรือซีสต์รังไข่หรือไม่ และหลังจากอายุครรภ์ถึง 4 เดือน เป็นต้นไป จะสามารถระบุเพศ รวมถึงตรวจสอบความผิดปกติอื่นๆ เช่น รกเกาะต่ำ ภาวะน้ำคร่ำมากหรือน้อยเกินไป ความพิการแต่กำเนิดของทารก เป็นต้น แม้ว่าการตรวจด้วยวิธีนี้จะมีค่าใช้จ่ายสูง แต่จะเป็นการตรวจเพื่อลดอัตราการแท้งในอนาคตได้ เพราะเราสามารถรู้ตำแหน่งการตั้งครรภ์🤰 และภาวะผิดปกติของมดลูกที่ชัดเจน