น้ำคร่ำแตก Premature Rupture of Membranes (PROM) หรือเรียกง่ายๆว่า น้ำเดิน เป็นภาวะที่ถุงน้ำคร่ำได้มีการรั่วหรือแตกเองก่อนที่คุณแม่จะเจ็บครรภ์คลอด สามารถเกิดขึ้นได้ในช่วงตั้งครรภ์เดือนที่ 9 ซึ่งเป็นระยะใกล้คลอด🤰ปัญหาภาวะน้ำคร่ำแตกเป็นปัญหาหนึ่งที่พบได้บ่อย และอาจเป็นอันตรายต่อคุณแม่และทารกในครรภ์ ทางเราจึงได้รวบรวมข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับน้ำคร่ำแตกมาให้คุณแม่ได้ทราบ
สาเหตุที่ทำให้น้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด
ภาวะเลือดออกทางช่องคลอด
สามารถพบได้ในคุณแม่ที่มีประวัติเลือดออก🩸ในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในรายที่มีเลือดออกกะปริดกะปรอยบ่อยๆ และยังสามารถเกิดขึ้นในหลายๆช่วงของการตั้งครรภ์เช่น ในไตรมาสที่ 2 และ 3 ตามลำดับ
การติดเชื้อในระบบอวัยวะสืบพันธุ์
ยกตัวอย่างเช่น การติดเชื้อที่ปากมดลูกและที่ปากช่องคลอด จะมีสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรีย 🦠 ได้สร้างสาร Phospholipase ขึ้นมา ซึ่งทำหน้าที่เป็นเอนไซม์กระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก อาจทำให้เกิดการแตกของถุงน้ำคร่ำได้
การสูบบุหรี่
ในรายของคุณแม่ที่สูบบุหรี่ 🚬 จะมีโอกาสเสี่ยงสูงมากถึง 2-4 เท่าที่จะเจอภาวะน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด เมื่อเทียบกับคุณแม่ที่ไม่ได้สูบบุหรี่
อาการน้ำคร่ำรั่วเป็นอย่างไร
วิธีสังเกตว่าน้ำคร่ำรั่ว
ให้คุณแม่วางผ้าอนามัยหรือผ้าซับในกางเกงใน หลังจากนั้น 30นาที - 1 ชั่วโมงให้ตรวจดูสีของของเหลว ถ้าเป็นสีเหลือง คือปัสสาวะ แต่ถ้าไม่ใช่สีเหลือง ถือว่าเป็นการรั่วของน้ำคร่ำ
ปัจจัยเสี่ยงต่อการรั่วไหลของน้ำคร่ำ
หากมีการรั่วไหล💧ของน้ำคร่ำในช่วงไตรมาสที่ 1 หรือ 2 อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน ได้แก่ การแท้งบุตร ความพิการทางกำเนิด และรวมไปถึงการคลอดก่อนกำหนด
วิธีการรักษาหากน้ำคร่ำเดินก่อนกำหนด
โทรปรึกษาสูตินรีแพทย์
หาคุณแม่พบว่าน้ำคร่ำมีสีผิดปกติ เช่นสีเขียวหรือสีเหลืองน้ำตาล เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าทารก 🚼 มีการเคลื่อนไหวของลำไส้ในครรภ์ อาจส่งผลให้เกิด ภาวะแทรกซ้อนในการหายใจในขณะคลอดลูกได้
แอดมิทเข้าโรงพยาบาล
หากคุณแม่พบว่ามีน้ำคร่ำเดินก่อนกำหนด ซึ่งถือว่าเป็นภาวะครรภ์เสี่ยงสูง คุณแม่ควรรีบไปพบแพทย์👨⚕️ให้เร็วที่สุด เพื่อที่แพทย์จะได้กำหนดแนวทางในการรักษาอย่างถูกต้อง และป้องกันความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์
คุณแม่ควรใส่ใจดูแลสุขภาพในขณะตั้งครรภ์🤰เป็นอย่างยิ่ง เพราะทุกอย่างที่คุณแม่ทำนั้นอาจส่งผลต่อทารกในครรภ์ทั้งสิ้นไม่มากก็น้อย และเพื่อป้องกันภาวะครรภ์เสี่ยง คุณแม่ควรเริ่มฝากครรภ์ตั้งแต่เนิ่นๆ เลือกคุณหมอที่มีประสบการณ์รับฝากครรภ์ เพื่อเสริมความมั่นใจว่าทั้งแม่และเด็กในครรภ์จะได้รับการดูแลอย่างปลอดภัย