post-title

อันตรายของฝุ่น PM 2.5 ต่อเด็กเล็ก

        PM 2.5 (Particulate Matter) คืออนุภาคเล็กที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เพราะมีค่าเท่ากับ 2.5 ไมครอน อนุภาคเหล่านี้มีอันตรายอย่างมาก เพราะเมื่อลูกสูดดมเข้าไปจะสามารถลงไปลึกถึงถุงลม 🫁 และยังดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้ในที่สุด ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการอักเสบของทางเดินหายใจโดยเฉพาะในเด็กเล็ก วันนี้ทางเราได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับฝุ่น PM 2.5 ที่คุณแม่ควรศึกษาและทราบถึงแนวทางการรักษาหากลูกมีอาการแพ้ฝุ่น PM 2.5


วิธีเช็คง่ายๆว่าลูกเข้าข่ายแพ้ฝุ่น PM 2.5

สังเกตอาการที่แสดงออกเบื้องต้น

อาการที่ชี้ชัดว่าลูกเป็นโรคภูมิแพ้ฝุ่น ได้แก่ อาการจาม🤧 คัดจมูก มีน้ำมูกไหล😪 ซึ่งรวมไปถึงอาการภูมิแพ้ที่ถูกกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อมรอบตัว เช่น ไรฝุ่น ขนแมว และขนสุนัข

วิธีสะกิดผิว (Skin test)

Skin test 💉เป็นการเจาะเลือดเพื่อตรวจความไวต่อสารก่อภูมิแพ้ แพทย์แนะนำให้ตรวจเมื่อเด็กมีอายุ 3-4 ขวบขึ้นไป เพื่อผลตรวจที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด แต่ถ้าหากเด็กแสดงอาการแพ้ที่ชัดเจน คุณแม่สามารถพาลูกไปตรวจได้ตั้งแต่อายุ 2 ขวบเป็นต้นไป


โรคที่เกิดได้จากการรับฝุ่น PM 2.5

โรคหอบหืด (Asthma)

เมื่อลูกได้รับละอองฝุ่นในปริมาณมากเกินไปหรือสะสมเป็นเวลานาน อาจทำให้อาการหอบหืดกำเริบ หลอดลมอักเสบและมีปัญหาเรื่องระบบทางเดินหายใจ 😷 เพราะฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กมาก ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่านั้นเข้าไปทำลายเนื้อเยื่อในปอด

 โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic dermatitis)

เด็กที่มีอาการไวต่อฝุ่นจะมีอาการจาม🤧 ไอ หายใจไม่สะดวก และแน่นหน้าอกทันทีที่ได้รับพิษจากฝุ่น PM 2.5 🌫️ และฝุ่นนั้นส่งผลโดยตรงต่ออาการภูมิแพ้ผิวหนังของลูก เนื่องจากเด็กมีผิวที่ sensitive มาก เมื่อผิวหนังได้สัมผัสกับฝุ่นก็จะทำให้การทำงานของเซลล์ผิวหนังผิดปกติ เช่น เกิดอาการคัน เป็นผื่นแดง

โรคสมาธิสั้น  (ADHD)

หากสมอง 🧠 ของลูกได้รับการสะสมของฝุ่น PM 2.5 อย่างต่อเนื่องในปริมาณมาก อาจทำให้ลูกมีพัฒนาการทางสติปัญญาที่ช้ากว่าเด็กทั่วไป และรวมไปถึงอาจมีพัฒนาการทางด้านภาษาล่าช้า ในด้านของการพูดและการฟัง


วิธีดูแลลูกให้ปลอดภัยจากฝุ่น PM 2.5

ควรลดการทำกิจกรรมนอกบ้าน

คุณแม่ควรลดการพาลูกออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านและกิจกรรมกลางแจ้งทุกประเภท เช่น กิจกรรมที่สวนสาธารณะ 🏞️ เพื่อหลีกเลี่ยงภัยจากฝุ่นละออง PM 2.5 ที่อาจส่งผลร้ายแรงต่อลูกน้อยได้ 

สวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันฝุ่น PM 2.5

คุณแม่ควรเลือกหน้ากากอนามัย 😷 ที่ได้มาตรฐานทางการแพทย์ เพราะหน้ากากอนามัยประเภทนี้สามารถกรองฝุ่นละออง PM 2.5 และมลพิษทางอากาศได้จริง อีกทั้งต้องเลือกรุ่นที่มีทรงกระชับ ลูกสวมใส่แล้วสามารถหายใจได้สะดวก

ควรเตรียมยาประจำตัวให้พร้อม

คุณแม่ควรพกยา 💊 ติดตัวไว้เสมอในกรณีที่ลูกมีโรคประจำตัว เช่น โรคภูมิแพ้ หอบหืด หรือโรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจ เพื่อป้องกันหากลูกมีอาการกำเริบหรือในยามฉุกเฉินที่อยู่นอกบ้าน หากอาการรุนแรงมากขึ้น ควรพาลูกไปพบแพทย์ทันที

     ในปัจจุบันนั้นอากาศเต็มไปด้วยมลภาวะ ทั้งคุณแม่และลูกต่างได้รับผลกระทบจากการการสัมผัสและสูดดมโดยตรงซึ่งเลี่ยงได้ยาก ฝุ่น PM 2.5 นั้นมีอันตรายมากกว่าที่คุณแม่คิด โดยเฉพาะในเด็กที่เป็นโรคภูมิแพ้อากาศอยู่ก่อนแล้วนั้น จะแสดงอาการได้ไวและรุนแรงกว่าเด็กทั่วไป คุณแม่ควรใส่ใจและสังเกตหากอาการของลูกน่าเป็นห่วง ควรรีบพาไปพบกุมารแพทย์ 👩‍⚕️ ทันที