post-title

ควรแยกห้องนอนให้ลูกหรือไม่

     สำหรับครอบครัว👨‍👩‍👧ที่มีพื้นที่ในบ้านเพียงพอที่จะจัดห้องใหม่อีกหนึ่งห้อง เป็นห้องนอนหรือห้องส่วนตัวขอเจ้าตัวน้อยโดยเฉพาะ อาจกำลังกังวลว่าจริงๆแล้วควรให้ห้องส่วนตัวกับลูกหรือไม่ หากตัดสินใจว่าจะให้ควรแยกห้องนอน🛌กับลูกตอนไหนดี และควรจัดห้องนอนของเด็กๆอย่างไร บทความนี้จะพาคุณผู้อ่านมาดูเกี่ยวกับความจำเป็นในการแยกห้องนอนกับลูก และข้อดีข้อเสียของการแยกห้องนอนกัน เราไปเริ่มพร้อมกันเลยค่ะ💁‍♀️


การแยกห้องนอนเป็นสิ่งจำเป็นไหม ถ้าแยกควรแยกตอนไหนดี?

    ต้องบอกว่าเป็นประเด็นทางเลือกแล้วกันค่ะ ผู้ปกครองที่มีพื้นที่ในบ้าน🏡ก็สามารถแยกได้ หรือจะไม่แยกก็ได้ แต่ในกรณีที่ผู้ปกครองไม่มีพื้นที่เหลือในบ้านเพื่อเอาไปทำเป็นห้องนอนได้แล้ว การแยกห้องนอน🛌ก็ไม่ใช่สิ่งจำเป็นค่ะ คุณพ่อคุณแม่สามารถนอนรวมกันกับเจ้าตัวน้อยได้ตามสะดวกเลยค่ะ หากตัดสินใจว่าจะแยกห้อง ควรเริ่มเมื่อทารกมีอายุ 6 เดือนขึ้นไปค่ะ เหตุผลเพราะในช่วงสามเดือนแรก เด็กๆจะยังต้องการดื่มนมแม่บ่อยๆ หากแยกกันนอนก็จะไม่สะดวกเวลาให้นม และเด็กเล็กยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะหลับ😴ไม่ตื่นในทารกอีกด้วย ซึ่งก็คือการที่ทารกนอนหลับและเสียชีวิต💀ไปเลยนั่นเองค่ะ

🩷ข้อดีของการนอนห้องเดียวกับลูก

ข้อดีที่เป็นรูปธรรมที่สุดข้อแรกก็คือ หากทารกกำลังมีภาวะหลับไม่ตื่น คุณพ่อคุณแม่จะสามารถให้ความช่วยเหลือ🤗ได้อย่างทันท่วงทีค่ะ

ลูกมีแนวโน้มจะนอนหลับได้ดีและหลับสนิท😴กว่าการนอนคนเดียว เพราะการที่เด็กมีผู้ปกครองอยู่ห้องเดียวกันหรืออยู่เตียงเดียวกัน จะทำให้เขารู้สึกปลอดภัยค่ะ อีกทั้งยังเป็นการสร้างความผูกพัน💞ระหว่างเด็กกับผู้ปกครองด้วยค่ะ

อันตรายต่างๆที่ไม่คาดคิดจะเกิดขึ้นน้อยลง เพราะมีผู้ปกครอง👨‍👩‍👧ที่อยู่ห้องเดียวกันหรืออยู่บนเตียงด้วยกันคอยดูแลค่ะ

ในเด็กที่โตขึ้นมาอยู่ในวัยที่พอจะสื่อสารกับคุณพ่อคุณแม่ได้แล้ว หากนอนห้องเดียวกันหรือเตียงเดียวกันก็จะมีโอกาสได้พูดคุย🗣️กันก่อนนอน เป็นการส่งเสริมพัฒนาการด้านการสื่อสารให้เด็ก และทำให้เด็กไว้ใจเชื่อใจคุณพ่อคุณแม่มากขึ้น ผู้ปกครองจะเป็นพื้นที่ปลอดภัยของเด็กค่ะ

💕ข้อดีของการแยกห้องนอนกับลูก

อันที่จริงแล้วเมื่อเด็กๆโตขึ้น ความต้องการในการที่จะมีพื้นที่ส่วนตัวหรือข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัว👛ก็จะเริ่มเพิ่มขึ้น การแยกห้องนอนให้เจ้าตัวน้อยตั้งแต่ยังเด็กๆจึงค่อนข้างตอบโจทย์ความต้องการของเด็กที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นในอนาคตได้ค่ะ และยิ่งเริ่มแยกเร็วเท่าไหร่ (แต่ก็ไม่ควรต่ำกว่าช่วงอายุ 6 เดือน) เด็กๆก็จะสามารถปรับตัวกับการอยู่คนเดียวได้รวดเร็วมากขึ้น มีอาการงอแง😭หรือติดคุณพ่อคุณแม่น้อยลงค่ะ

ทำให้เด็กนอนหลับพักผ่อนได้สนิท💤 เพราะไม่มีคุณพ่อคุณแม่ทำเสียงดังรบกวนตอนนอนอย่างไม่ได้ตั้งใจ และป้องกันการที่คุณพ่อคุณแม่จะกลิ้งทับลูกสำหรับครอบครัวที่นอนเตียงเดียวกันด้วยค่ะ

หากคุณพ่อคุณแม่มีเหตุจำเป็นต้องฝากเด็กๆไว้กับพี่เลี้ยง👩‍💼 หรือต้องไปนอนบ้านอื่น เด็กจะสามารถหลับได้ง่ายกว่าเด็กที่นอนกับคุณพ่อคุณแม่ตลอดค่ะ


ควรเริ่มต้นอย่างไรหากจะแยกห้องนอนกับลูก

👉ในกรณีที่คุณพ่อคุณแม่นอนเตียงเดียวกันกับทารกมาก่อน

 อาจเริ่มต้นจากการแยกเตียงแต่ยังอยู่ภายในห้องเดียวกันได้ค่ะ เพื่อให้ทารกคุ้นชินกับการที่ไม่ต้องอยู่ใกล้ชิดผู้ปกครองมาก แต่ยังรับรู้ว่ามีผู้ปกครองอยู่ใกล้ๆให้รู้สึกปลอดภัย🤗 เมื่อแยกเตียงแล้ว คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสำคัญกับท่านอนของลูก ควรจัดให้ลูกนอนหงาย อย่าจัดให้ลูกนอนคว่ำโดยเด็กขาดเพราะเด็กอาจขาดอากาศหายใจ🤢และถึงแก่ชีวิตได้

👉เลือกฟูกคุณภาพดีให้ลูก

ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่แยกเตียงหรือแยกห้องนอนควรเป็นฟูก🧽ที่มีความแข็งเล็กน้อย ไม่อ่อนยวบ ผ้าปูเรียบตึงไม่หลุดรุ่ยง่าย ป้องกันการที่ผ้าปูที่นอนอาจหลุดมาปิดจมูก👃ของเด็กระหว่างนอนหลับ ไม่ควรมีสิ่งของอื่นๆอยู่บนฟูก และห้ามให้เด็กนอนบนอะไรก็ตามที่มีซอกมีหลืบและอ่อนนุ่ม เพราะเด็กอาจเข้าไปติดบริเวณซอกเหล่านั้นแล้วเกิดอาการหายใจลำบากได้

👉อธิบายข้อดีของห้องนอนส่วนตัวให้ลูกฟัง

เมื่อเตรียมห้องนอนแยกให้ลูกเรียบร้อยแล้ว ควรพูดถึงข้อดีของห้องนอนส่วนตัวให้เจ้าตัวน้อยฟัง ให้เขารู้สึกตื่นเต้น🤩ที่จะมีห้องของตนเอง และควรเป็นห้องที่ไม่มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์📱 เพราะเด็กอาจเล่นก่อนนอนและรบกวนคุณภาพการนอนของเด็กได้ค่ะ

👉หาตุ๊กตาคู่ใจหรือหมอนข้างให้ลูกนอนกอด

ในช่วงแรกๆของการแยกห้องนอน เป็นธรรมดาที่เจ้าตัวน้อยจะหลับได้ยาก สามารถแก้ปัญหาโดยการให้เด็กมีตุ๊กตาคู่ใจ🧸หรือหมอนข้างให้เขานอนกอด ก่อนนอนผู้ปกครองอาจเข้าไปอยู่ด้วยเพื่อทำกิจกรรมส่งเข้านอนในช่วงเวลาสั้นๆ ยกตัวอย่างเช่นการเล่านิทาน📖 ก็จะทำให้เด็กๆสามารถหลับได้ง่ายขึ้น จากนั้นผู้ปกครองจึงค่อยๆออกจากห้องมาเบาๆค่ะ

👉ชื่นชมลูกเสมอ

เมื่อแต่ละคืนผ่านไป เจ้าตัวน้อยสามารถแยกห้องนอนกับคุณพ่อคุณแม่ได้อย่างราบรื่น ผู้ปกครองควรชื่นชมเขาเสมอ👏 เพื่อให้เขารู้สึกว่าตนเองสามารถนอนคนเดียวได้ดีค่ะ

     จะเห็นแล้วนะคะว่าทั้งการนอนห้องเดียวกับลูกและการแยกห้องนอนกับลูก ก็มีข้อดีที่แตกต่างกันออกไป เพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่สามารถเลือกพิจารณาข้อดีข้อเสียของการนอนในแต่ละแบบ และปรับใช้ตามความเหมาะสมกับลักษณะบ้าน🏡และครอบครัว👨‍👩‍👧ของทุกท่านได้เลยค่ะ