post-title

คนท้องคิดมาก รับมือยังไง?

     การตั้งครรภ์🤰นั้นถือเป็นกิจกรรมที่ใช้ความรับผิดชอบอย่างยิ่งใหญ่ ทั้งแรงกายและแรงใจของคุณแม่ นอกจากนี้ยังถือเป็นช่วงที่ร่างกายของคุณแม่นั้นมีความอ่อนไหวต่อสิ่งแวดล้อมรอบกายมากเป็นพิเศษอีก ความเครียด🤯และความวิตกกังวล😰จากสุขภาพและวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปจึงสามารถเกิดขึ้นกับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ได้ค่อนข้างง่าย วันนี้บทความของเราจึงพาคุณผู้อ่านมาทำความเข้าใจถึงภาวะเครียดระหว่างการตั้งครรภ์ว่าเกิดจากสาเหตุใดได้บ้าง หากคุณผู้อ่านเป็นคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์เอง จนไปถึงเป็นผู้ที่มีคนรอบตัวกำลังตั้งครรภ์ จะได้เข้าใจถึงสาเหตุของปัญหาและวิธีแก้ปัญหาอย่างเหมาะสมค่ะ💁‍♀️


สาเหตุหลักๆที่ทำให้คุณแม่เครียด

💫การเปลี่ยนแปลงของร่างกายตนเองอย่างรวดเร็ว 

ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น⏲️ หน้าท้องและผิวส่วนอื่นๆเริ่มแตกลาย หน้ามันหรือเป็นสิวมากกว่าปกติ ปัจจัยเหล่านี้เป็นปัจจัยที่ทำใหผู้หญิงส่วนมากรู้สึกวิตกกังวล😰ได้อยู่แล้วค่ะ

💫วิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปทั้งอย่างที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ 

อย่างที่ตั้งใจและจำเป็นต้องทำก็เช่น การหลีกเลี่ยงกิจกรรมผาดโผน🧗‍♀️ ไม่สามารถทำกิจกรรมที่ออกท่าทางได้หลากหลายเท่าเดิม ส่วนอย่างที่ไม่ตั้งใจก็เช่น มีอาการปวดปัสสาวะบ่อยขึ้น กลั้นปัสสาวะไม่ค่อยได้ ปัสสาวะเล็ด มีอาการแพ้ท้อง😵‍💫 ไวต่อกลิ่นรอบตัว🙊 เวียนหัวอยากอาเจียน🤮

💫มีความอ่อนไหวทางด้านอารมณ์เพิ่มขึ้น 

ซึ่งมาจากความเปลี่ยนแปลงของสมดุลสารเคมี🧪ในร่างกายหรือที่เรียกว่าฮอร์โมนในร่างกายของคุณแม่นั่นเองค่ะ

💫วิตกกังวลถึงอนาคต 

ไม่ว่าจะเป็นภาวะแทรกซ้อนระหว่างการตั้งครรภ์ ปัญหาระหว่างทำการคลอด อนาคตของเจ้าตัวน้อย👶ในครรภ์


ผลเสียหากมีความเครียดเรื้อรัง

👉ผลเสียต่อร่างกายของคุณแม่เอง 

ได้แก่ นอนหลับพักผ่อนได้ไม่สนิท🥱 รับประทานอาหารได้น้อยลงกว่าเดิม มีแนวโน้มที่จะทำให้ร่างกายของตนเองได้รับสารอาหารที่จำเป็นไม่เพียงพอ เมื่อพักผ่อนได้น้อยลงประกอบกับรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ได้น้อยลง ส่งผลให้ความสามารถของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของคุณแม่นั้นต่ำลงเช่นเดียวกัน ทำให้ร่างกายอ่อนแอ ง่ายต่อการติดเชื้อก่อโรค🦠กลุ่มต่างๆ ความดันโลหิตสูงขึ้น🩸 หัวใจเต้นเร็วขึ้น🫀 และแม้คุณแม่ผ่านช่วงตั้งครรภ์ไปแล้ว ความเครียดและความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นอย่างเรื้อรังก็มีโอกาสส่งผลให้คุณแม่เข้าข่ายภาวะซึมเศร้า😢ได้ในอนาคตค่ะ

👉ผลเสียต่อร่างกายของเจ้าตัวน้อยในครรภ์

 เนื่องจากคุณแม่ไม่สามารถรับประทานอาหารที่มีประโยชน์🍲ได้เพียงพอ ทารกจึงมีโอกาสขาดสารอาหารด้วยเช่นเดียวกัน และหากคุณแม่ได้รับเชื้อก่อโรค🦠 ก็อาจส่งผลให้มีภาวะแทรกซ้อนระหว่างการตั้งครรภ์ เป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้โดยตรง และแม้เด็ก👶จะปลอดภัยในระหว่างการตั้งครรภ์ หากเติบโตขึ้นก็จะเป็นกลุ่มที่เสี่ยงต่อการมีปัญหาสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเกี่ยวกับความผิดปกติของหัวใจ🫀 ความดันโลหิต🩸 จนไปถึงโรคเบาหวาน🍰เลยค่ะ


วิธีบรรเทาความเครียดเบื้องต้น

🩷หากิจกรรมที่ตนเองชอบทำ 

ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมที่สร้างความบันเทิงทั่วไป เช่น การดูหนัง🎬 ดูละคร ภาพยนตร์ การฟังเพลง🎧 จนไปถึงกิจกรรมที่เป็นงานอดิเรก ยกตัวอย่างเช่น การวาดรูป ทำงานศิลปะ👩‍🎨 เล่นดนตรี🎻 ทำสมาธิ เล่นโยคะ🧘‍♀️ จนไปถึงการออกกำลังกายเบาๆ เนื่องจากกิจกรรมเหล่านี้จะทำให้เราหันไปตั้งสมาธิกับเรื่องอื่นๆ ไม่จดจ่ออยู่กับเรื่องที่ทำให้เกิดความเครียดค่ะ

💞หาคนปฏิสัมพันธ์ด้วย 

เมื่อเกิดความเครียด วิธีการในการระบายที่ง่ายที่สุดก็คือพูด🗣️หรือระบายมันออกมานั่นเองค่ะ คนรับฟังนั้นจะเป็นใครก็ได้ที่คุณแม่รู้สึกไว้ใจ สบายใจที่จะพูดคุยด้วย ไม่ว่าจะเป็นคุณสามี👨 คนในครอบครัว จนไปถึงเพื่อนสนิท แต่หากรู้สึกตัวว่าความเครียดเหล่านั้นอาจมากเกินกว่าที่คนทั่วไปจะช่วยแบกรับได้ คุณแม่สามารถปรึกษาจิตแพทย์👩‍⚕️หรือนักจิตบำบัดได้ ไม่ใช่เรื่องน่าอับอายหรือผิดปกติแต่อย่างใด ถือเป็นเรื่องดีเสียด้วยซ้ำ เพราะเรารู้เท่าทันร่างกายตนเองค่ะ

🤰ปฏิสัมพันธ์กับเจ้าตัวน้อยในครรภ์ 

ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยด้วย การลูบท้องเบาๆ✋ จะทำให้คุณแม่รู้สึกเหงาน้อยลง รู้สึกว่าไม่ได้อยู่คนเดียวและรู้สึกมีกำลังใจ อยากมีสุขภาพดีๆเพื่อที่จะได้เห็นหน้าและรอดูเจ้าตัวน้อย👶ในครรภ์เติบโตในอนาคตค่ะ

     อ่านมาถึงตรงนี้คุณผู้อ่านก็จะเห็นแล้วนะคะว่าความเครียด🤯และความวิตกกังวล😰นั้น ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดได้กับคุณแม่ที่กำลังตั้งครภร์🤰แทบทุกคน ไม่ว่าช่วงก่อนตั้งครรภ์จะมีบุคลิกภาพอย่างไร นับเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดได้ยากค่ะ สิ่งสำคัญคือการที่เราทราบว่าเมื่อเกิดแล้วจะแก้ปัญหาอย่างไร และมีความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน ช่วยดูแลและหมั่นสังเกตสุขภาวะทางอารมณ์ของกันและกันค่ะ