post-title

ดื่มกาแฟแล้วจะตั้งครรภ์ยากจริงหรือ

     การดื่มกาแฟ☕️ คือสิ่งที่หลายคนทำเป็นประจำในทุกวันๆใช่ไหมคะ ตื่นเช้ามาเริ่มต้นวันด้วยการดื่มกาแฟก็จะรู้สึกสดชื่นพร้อมเริ่มต้นวันใหม่🌇 เนื่องจากในกาแฟนั้นมีส่วนผสมของ “คาเฟอีน” จึงช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่ถึงแม้ว่าจะช่วยให้ร่างกายสดชื่น แต่ก็เป็นความสดชื่นส่งผลเสียต่อร่างกายตามมาได้ค่ะ โดยเฉพาะระบบเจริญพันธุ์ ซึ่งมันอาจทำให้เสี่ยงภาวะมีบุตรยาก มาดูกันค่ะ ว่าการดื่มกาแฟส่งผลต่อว่าที่คุณแม่ที่กำลังวางแผนการตั้งครรภ์อย่างไรบ้าง💁‍♀️


คาเฟอีนส่งผลต่อภาวะมีบุตรยาก

👫ทำไมการดื่มกาแฟถึงส่งผลต่อคู่รักที่กำลังวางแผนตั้งครรภ์

คาเฟอีนในกาแฟถือเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้มีภาวะมีบุตรยากค่ะ การดื่มกาแฟเป็นประจำก็เป็นอีกหนึ่งพฤติกรรมที่ว่าที่คุณพ่อคุณแม่ผู้อยากมีลูกควรหลีกเลี่ยง โดยอ้างอิงจากผลการวิจัยของโรงพยาบาล🏥กลางมลรัฐแมสซาชูเซตส์ ในประเทศสหรัฐอเมริกาช่วง พ.ศ. 2550-2556 พบว่าคาเฟอีนนั้นส่งผลต่อภาวะมีบุตรยากได้ทั้งเพศชายและเพศหญิงเลยนะคะ

👨คาเฟอีนส่งผลต่อภาวะมีบุตรยากในเพศชายอย่างไร

ผู้ชายที่ดื่มกาแฟ☕️หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเป็นประจำ เสี่ยงต่อการมีบุตรยาก เนื่องจากคาเฟอีนทำให้หลั่งอสุจิได้น้อยลงค่ะ ว่าที่คุณพ่อควรหลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟในปริมาณที่มากเกินไปนะคะ โดยปริมาณเครื่องดื่มคาเฟอีนที่เหมาะควรอยู่ที่ 88 มิลลิกรัมต่อวันค่ะ

👱‍♀️คาเฟอีนส่งผลต่อภาวะมีบุตรยากในเพศหญิงอย่างไร

คนที่ดื่มกาแฟเป็นประจำทุกวัน ใน 1 วัน จะลดโอกาสการตั้งครรภ์🤰ลงถึง 25-26 % เพราะคาเฟอีนที่อยู่ในกาแฟจะส่งผลให้การตั้งครรภ์นั้นชะลอลง หรือหากคุณแม่ท้องอ่อนๆแล้วดื่มกาแฟในปริมาณมาก อาจเสี่ยงแท้งบุตร🩸อีกด้วยนะคะ ดังนั้นเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการตั้งครรภ์ทั้งคุณพ่อคุณแม่ควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเพื่อลูกน้อยที่แข็งแรงค่ะ


กาแฟให้โทษต่อร่างกายโดยที่คุณอาจะไม่เคยรู้มาก่อน

🩸ทำให้ระดับความดันโลหิตให้สูงขึ้น

เมื่อเราดื่มกาแฟเข้าไป จะทำให้ระดับความดันโลหิตในร่างกายเพิ่มสูงขึ้นนานถึง 12 ชั่วโมง อัตราการเต้นของหัวใจ🫀เร็วขึ้น ความดันโลหิตก็จะสูงขึ้น ดังนั้นผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง จึงควรหลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟในตอนที่มีความเครียด หรือช่วงที่ร่างกายมีภาวะความกดดันมากเกินไปเพราะจะส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยตรงค่ะ

🧠ส่งผลเสียต่อระบบประสาทและสมอง

คาเฟอีนในกาแฟจะกระตุ้นสมองให้รู้สึกตื่น🤩 สดชื่นตลอดเวลา หลายคนอาจจะรู้สึกว่าช่วยเพิ่มประสิทธิผลต่อการทำงานได้เต็มที่ แต่ในขณะเดียวกันหากได้รับคาเฟอีนในปริมาณที่มากเป็นประจำก็จะส่งผลให้เกิดความวิตกกังวล😥 ในบางรายอาจมีผลทำให้เกิดอาการชักได้ค่ะ


ไม่ใช่แค่กาแฟ ที่มีคาเฟอีน

✨เครื่องดื่มยอดฮิต

เครื่องดื่มที่หลายคนดื่มเป็นประจำทุกวันก็มีคาเฟอีนนะคะ หลายคนอาจจะไม่ได้ดื่มกาแฟเลย แต่เครื่องดื่มเหล่านี้ก็มีปริมาณคาเฟอีนเช่นเดียวกับกาแฟเลยค่ะ เช่น ชาเย็น, ชานม🧋ไข่มุก, ชาเขียว🍵, ช็อกโกแลตหรือเครื่องดื่มโปรดของใครหลายคนอย่าง โกโก้ ก็มีคาเฟอีนเช่นกัน ว่าที่คุณแม่ควรหักห้ามใจและปรับเปลี่ยนการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนในปริมาณที่เหมาะสม หรือหลีกเลี่ยงค่ะ

 วิธีคำนวณปริมาณคาเฟอีนแบบง่ายๆในเครื่องดื่มยอดฮิต

 กาแฟไซส์ที่เป็นที่นิยมอย่างขนาด 12 ออนซ์ 

👉เมนูลาเต้ คาปูชิโน ม็อคค่า เมื่อเทียบปริมาณคาเฟอีนแล้วจะมีปริมาณคาเฟอีน 75 – 90 มิลลิกรัมต่อแก้ว

👉อเมริกาโน 1 แก้วโดยทั่วไปมีคาเฟอีนประมาณเริ่มต้น 150 – 260 มิลลิกรัม                         

👉ชาเขียว ลาเต้ 55 มิลลิกรัมต่อแก้ว 

👉กาแฟซองสำเร็จรูป 12 ออนซ์ มีคาเฟอีน 80 – 90 มิลลิกรัมต่อ 1แก้ว

👉ชาชงเอง 237 มิลลิลิตร มีคาเฟอีนประมาณ 48 มิลลิกรัม

👉ชาเขียว 177 มิลลิลิตร มีคาเฟอีนประมาณ 40 มิลลิกรัม

👉โกโก้ร้อน 355 มิลลิลิตร มีคาเฟอีนประมาณ 8-12 มิลลิกรัม

👉ช็อกโกแลตธรรมดา 50 กรัม มีคาเฟอีนประมาณ 25 มิลลิกรัม

จากที่มา ศูนษ์รักษาผู้มีบุตรยาก

เมนู                                                                   คาเฟอีน หน่วย มิลลิกรัม

กาแฟคาปูชิโน ลาเต้ ม็อคค่า ขนาด 12 ออนซ์         75-90

อเมริกาโน  1 แก้ว                                                150-260

ชาเขียวลาเต้                                                         55

กาแฟสำเร็จรูป 12 ออนซ์                                       80-90

ชา 237 มิลลิลิตร                                                   40

ชาเขียว 177 มิลลิลิตร                                            40

โกโก้ร้อน 355 มิลลิลิตร                                         8-12 

ช็อกโกแลต 50 กรัม                                               25