คุณแม่หลายๆท่านอาจไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังเป็นอาการแปลกๆอยู่ อาการที่ว่าคือ รู้สึกว่าตัวเองคันขา🦵ยุบยิบอยู่ตลอดเวลา แต่พอก้มดูก็ไม่เจออะไร อาการแบบนี้เกิดจากอะไร และมีอันตรายต่อคุณแม่ไหม บทความนี้จะพาคุณแม่ไปหาคำตอบค่ะ💁♀️
อาการขาไม่อยู่สุข คืออะไร?
กลุ่มอาการขาไม่อยู่สุข (Restless Legs Syndrome)
อาการนี้จัดเป็นลักษณะอาการที่ทำให้คุณแม่รู้สึกคันยุบยิบที่ขา เหมือนว่ามีอะไรไต่ที่ขา จนทำให้ต้องเอามือไปเกา หรือต้องขยับขา🦵อยู่ตลอดเวลา โดยอาการมักเกิดขึ้นในช่วงกลางคืนมากกว่าในตอนกลางวัน ทำให้รบกวนการพักผ่อนของคุณแม่เป็นอย่างยิ่ง
วิธีสังเกตว่าตัวเองเป็นกลุ่มอาการขาไม่อยู่สุข มีดังนี้
-รู้สึกขากระตุกเหมือนไฟช็อต🧨
-อาการจะแสดงขึ้นในช่วงที่อยู่นิ่ง
-อาการเกิดขึ้นในช่วงกลางคืน🌃
ปัจจัยที่ทำให้แม่ท้องเสี่ยงเป็นกลุ่มอาการขาไม่อยู่สุข
✨ช่วงท้องไตรมาสสาม
คุณแม่ที่อยู่ในช่วงท้องไตรมาสสาม ซึ่งถือว่าเป็นช่วงใกล้คลอด🤰 จะเสี่ยงต่อการเป็นกลุ่มอาการขาไม่อยู่สุขได้มากกว่าในช่วงท้องไตรมาสแรกและไตรมาสสอง
✨คุณแม่มีสารโดพามีนไม่สมดุล
คุณแม่ที่มีสารเคมีดพามีน (Dopamine) ไม่สมดุล จะส่งผลให้การควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อทำงานได้ไม่สมดุล และยังส่งผลต่อการเคลื่อนไหว และการรับความรู้สึกของขา🦵และเท้า🦶ด้วยค่ะ
✨คุณแม่ที่มีโรคประจำตัว
โรคประจำตัว เช่น โรคพาร์กินสัน (Parkinson’s Disease) โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis) โรคเบาหวาน รวมไปถึงคุณแม่ที่เป็นโรคโลหิตจาง🩸จากการขาดธาตุเหล็ก
✨คุณแม่ที่ใช้ยาบางชนิด
คุณแม่ที่มีการใช้ยาแก้แพ้💊 (Antihistamines) และยาแก้คลื่นไส้อาเจียน🤮 (Anti-Nausea Medication) เสี่ยงที่จะเป็นโรคกลุ่มอาการขาไม่อยู่สุข
✨เป็นผลมาจากพันธุกรรม
หากคุณแม่ที่มีบุคคลในครอบครัวหรือได้รับพันธุกรรม🧬ที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นของกลุ่มอาการขาไม่อยู่สุขมา ก็จะแสดงอาการออกมาให้เห็นในช่วงที่คุณแม่มีอายุก่อน 40 ปี
วิธีรักษากลุ่มอาการขาไม่อยู่สุข
เนื่องจากอาการขาไม่อยู่สุขเกิดจากสาเหตุที่ไม่แน่นอน ทำให้แพทย์👩⚕️ไม่สามารถระบุการรักษาได้ตรงกับอาการ จึงเลือกใช้การรักษาตามอาการ โดยทั่วไปแพทย์จะใช้วิธีตรวจร่างกายเพื่อหาความผิดปกติ🩺 เช่น การตรวจว่าคุณแม่มีการใช้ยาอะไรที่ผ่านมา มีโรคประจำตัวหรือไม้ จนไปถึงการตรวจหาอาการบาดเจ็บของอวัยวะภายในร่างกาย หลังจากนั้นแพทย์จะทำการรักษาเพื่อบรรเทาอาการให้ดีขึ้น
ถึงแม้ว่ากลุ่มอาการขาไม่อยู่สุขจะไม่เป็นอันตรายต่อคุณแม่ แต่หากคุณแม่พบอาการผิดปกติอื่นๆร่วมด้วยระหว่างตั้งครรภ์🤰 ควรเข้าพบแพทย์เพื่อทำการปรึกษาและรับการรักษา ไม่ควรมองข้ามอาการเล็กๆน้อยที่เกิดขึ้นในขณะตั้งครรภ์โดยเด็ดขาดค่ะ