post-title

อยากให้ลูกฉลาด ต้องทำสิ่งนี้!

     คุณแม่ทุกท่านคงอยากให้ทารก👶ที่เกิดมานั้นมีพัฒนาการทางสมองที่ดี เป็นเด็กฉลาดกันใช่ไหมคะ คุณแม่สามารถฝึกให้ลูกมีพัฒนาการที่ดีได้ตั้งแต่ทารกอยู่ในครรภ์ ซึ่งวิธีดังกล่าวที่ทางเรารวบรวมมาในบทความนี้เป็นวิธีที่คุณแม่สามารถนำไปใช้ได้ตั้งแต่ท้องไตรมาสแรก ไตรมาสสอง และไตรมาสที่สาม เราไปดูพร้อมๆกันเลยค่ะ💁‍♀️


เสริมพัฒนาการโดยการเล่นกับทารกในครรภ์

✨ลูบหน้าท้องคุยกับลูก

วิธีที่ง่ายที่สุดที่คุณแม่สามารถสื่อสารกับทารกในครรภ์ได้ คือการลูกหน้าท้องคุย🗣️กับเจ้าตัวน้อย โดยคุณแม่สามารถเริ่มทำได้ตั้งแต่ตั้งครรภ์ไตรมาสแรก เพื่อเป็นการเสริมพัฒนาการทางด้าน EQ และ IQ ของทารก การพูดคุยจะเป็นการช่วยให้คุณแม่หลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน(Endorphins) ซึ่งเป็นสารแห่งความสุข🥰ที่ส่งผ่านจากแม่ไปสู่ทารกในครรภ์ทางสายสะดือ

✨อ่านหนังสือให้ลูกฟัง

ในช่วงไตรมาสสองของการตั้งครรภ์ คุณแม่สามารถอ่านหนังสือ📚ให้เจ้าตัวน้อยในครรภ์ฟังได้วันละ 30 นาที หนังสือที่แนะนำ คือ หนังสือนิทานก่อนนอน วิธีนี้จะสามารถทำให้ทารกคุ้นชินกับเสียงของคุณแม่ และยังทำให้ทารกอารมณ์ดีอีกด้วยค่ะ

✨เปิดเพลงกล่อมลูกในท้อง

แพทย์แนะนำให้คุณแม่เปิดเพลง🎶ให้ทารกฟังทุกวันอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 10-15 นาที โดยคุณแม่ควรเปิดเพลงให้ห่างจากหน้าท้องประมาณ 1 ฟุต และห้ามนำหูฟังมาแนบที่ท้องเด็ดขาด เพลงที่เปิดควรจะเป็นเพลงสบายๆ ฟังง่าย คลื่นเสียงจะช่วยกระตุ้นระบบการได้ยิน👂ของทารกและพัฒนาการทางด้านร่างกาย


ทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อทารกในครรภ์

💫เน้นสารอาหารให้ครบ 5 หมู่

คุณแม่ควรทานอาหารให้ถูกโภชนาการ🍲 ครบสารอาหาร 5 หมู่ เพราะอาหารที่มีประโยชน์จะส่งผลให้ทารกในครรภ์มีการเจริญเติบโตที่ดี ทั้งระบบร่างกายและระบบสมอง🧠 และคุณแม่ยังสามารถรับประทานอาหารเสริมที่ประกอบไปด้วยไอโอดีน โอเมก้า 3 และกรดโฟลิค เพื่อเป็นการบำรุงครรภ์ได้ด้วยค่ะ 


ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

👉ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ

การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ (Cardio) หรือการออกกำลังกายเบาๆ เป็นการออกกำลังกายที่ทำให้ร่างกายของทั้งคุณแม่และทารกในครรภ์แข็งแรง เช่น การเล่นโยคะ🧘‍♀️ พิลาทิส และการว่ายน้ำ🏊‍♀️ เป็นเวลาประมาณ 30 นาที

     คุณแม่ทุกท่านสามารถประยุกต์ใช้วิธีดังกล่าวในการกระตุ้นพัฒนาการทางสมอง🧠ของทารกในครรภ์ ทำให้ทารกมีพัฒนาการที่ดี คลอดออกมาเป็นเด็กที่ฉลาด แต่อย่างไรก็ตามทารกแต่ละคนล้วนมีพัฒนาการการเรียนรู้เร็ว-ช้าแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับหลายๆปัจจัย หากคุณแม่พบว่าลูกของตัวเองมีพัฒนาการที่ผิดปกติ หรือล่าช้าไปกว่าวัย ควรรีบพาลูกไปปรึกษาแพทย์👩‍⚕️เพื่อหาแนวทางการรักษาได้เช่นกันค่ะ