คุณแม่หลายๆท่านคงรู้สึกแปลกใจที่เมื่อเวลาเรียกชื่อ🗣️ลูก แต่ลูกกลับไม่มีการตอบสนองหรือหันหน้ามาเมื่อถูกเรียก จึงเกิดความกังวลว่าลูกเป็นโรคอะไรหรือเปล่า วันนี้เราจะมาหาคำตอบไปพร้อมๆกัน ว่าควรทำยังไงเมื่อลูกไม่ตอบสนองเวลาคุณแม่เรียกชื่อ ไปหาคำตอบพร้อมๆกันเลยค่ะ💁♀️
ลูกไม่หันเมื่อคุณแม่เรียก บ่งบอกอะไรได้บ้าง?
💫ลูกเสี่ยงเป็นออทิสติก
เวลาที่คุณแม่เรียกชื่อลูก แต่เขากลับเมินเฉย😐และไม่ยอมหันมาหาคุณแม่ จึงทำให้คุณแม่หลายๆท่านเกิดความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกกันแน่ ซึ่งนี่เป็น 1 สัญญาณที่บ่งบอกว่าลูกของคุณแม่อาจเสี่ยงเป็นโรคออทิสติก เพราะโลกออทิสติกจะเกิดขึ้นจากความผิดปกติทางด้านการสื่อสาร🗣️ และการพัฒนาทางด้านสังคม หากคุณแม่สงสัยว่าเจ้าตัวน้อยจะเสี่ยงเป็นโรคนี้ ไม่ควรรอช้าและควรเข้าปรึกษาแพทย์ทันทีค่ะ
วิธีการสังเกตว่าลูกเข้าข่ายเป็นโรคออทิสติก
👉ลูกไม่พูดสักที
หากคุณแม่สังเกตว่าลูกไม่ยอมพูดสักที หรือพูดช้ากว่าเด็ก👶ทั่วไปในอายุเท่าๆกัน เป็นหนึ่งในสัญญาที่บ่งบอกว่าลูกคุณแม่อาจจะเป็นโรคออทิสติกได้ค่ะ
👉ไม่แสดงท่าทีหรือส่งเสียงดัง
เด็กๆชอบเล่นและส่งเสียงแสดงความรู้สึกดีใจ🥳 เสียใจ และร้องไห้เป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าหากคุณแม่เล่นกับลูกแล้วลูกไม่ส่งเสียงหรือมีการตอบสนองใดๆ อาจหมายความว่าลูกของคุณแม่เป็นโรคออทิสติกได้เช่นกัน
👉ชอบทำอะไรเดิมๆซ้ำๆ
หากลูกของคุณแม่ชอบเล่นอะไรเดิมๆซ้ำๆ🧸เป็นเวลาหลายครั้ง และหมกมุ่นอยู่กับสิ่งๆนั้น ทั้งที่สิ่งนั้นไม่ได้น่าสนใจเลย เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าลูกกำลังป่วยเป็นโรคออทิสติกแน่นอนค่ะ
👉ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
เด็กๆมักถูกกระตุ้นจากสิ่งเร้ารอบข้าง และผู้คนรอบตัวอยู่เสมอ แต่ถ้าหากลูกของคุณแม่ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง และมีลักษณะเป็นเด็กที่นิ่งต่างจากเด็กทั่วไป มีแนวโน้มสูงที่ลูกจะป่วยเป็นโรคออทิสติก💯
👉ไม่แสดงพฤติกรรมลอกเลียนแบบ
เด็กๆมักชอบเลิกเรียนพฤติกรรมของพ่อแม่👨👩👧และบุคคลรอบข้างอยู่เสมอ แต่ถ้าหากลูกของคุณแม่ไม่ชอบทำอะไรเลียนแบบ และยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไรกลับมา ก็อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าลูกมีโอกาสเป็นโรคออทิสติก
เทคนิคทำให้ลูกพูดคุยกับคุณแม่มากขึ้น
✨พูดถึงสิ่งของทุกชนิดที่ลูกจับ
เมื่อลูกหยิบจับสิ่งของใดๆ คุณแม่ควรพูดชื่อสิ่งของนั้นๆในทุกครั้งที่ลูกจับ เพื่อเป็นการทำให้เด็กได้จดจำคำศัพท์🔠ได้ง่ายขึ้น และยังกระตุ้นการทำให้เด็กพูดคุยกับคุณแม่นั่นเองค่ะ
✨ใช้น้ำเสียงหลายๆโทน
คุณแม่สามารถพูดคุยโดยใช้น้ำเสียงหลายๆ ตั้งแต่ทนต่ำไปจนถึงโทนสูง🔊 เพราะน้ำเสียงที่แตกต่างกันไปจะไปดึงดูดความสนใจของเด็กให้รู้สึกอยากพูดคุยมากขึ้น
✨ให้ลูกมีส่วนร่วมในการสนทนา
คุณแม่ควรฝึกพูดกับลูกอยู่บ่อยๆ🗣️ และใช้เวลาอยู่กับลูกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะการสนทนาบ่อยๆนั้นจะทำให้ลูกพูดได้เร็วขึ้นและยังเป็นการฝึกฝนให้ลูกพูดเก่งได้อีกด้วยเช่นกัน
✨ให้ลูกฝึกร้องเพลง
การร้องเพลง🎤ถือเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดที่จะทำให้เด็กๆรู้สึกอยากพูดและอยากแสดงออก เพราะเด็กๆจะรู้สึกเพลิดเพลินไปกับการร้องเพลงและทำให้ช่วยฝึกให้เด็กๆพูดกับคุณแม่ได้เร็วขึ้น
✨อ่านนิทานให้ลูกฟัง
เพลงคุณแม่อ่านนิทาน📚ให้ลูกฟังทุกๆคืนก่อนนอน ก็จะทำให้เด็กมีความสนใจในนิทานและสิ่งที่คุณแม่อ่าน เด็กๆจะอยากตอบสนองและคุยกับคุณแม่ทุกครั้งที่ได้รับฟังเรื่องราวต่างๆผ่านทางนิทานค่ะ
สรุปก็คือ คุณแม่ควรหมั่นสังเกตพฤติกรรมของลูก👶ดูว่าเข้าข่ายพฤติกรรมที่กล่าวมาข้างต้นหรือไม่ หากคุณแม่พบว่าลูกของเรามีความผิดปกติและแตกต่างจากเด็กคนอื่น ควรเข้าไปปรึกษาแพทย์👨⚕️เพื่อรับคำแนะนำ และแนวทางการรักษาค่ะ