post-title

ทำไมคนท้องถึงควรกิน โฟเลต แม่ท้องกินอาหารที่มีโฟเลตสูงได้จากไหนบ้าง

     สำหรับคุณผู้หญิงที่กำลังมีเจ้าตัวน้อยในครรภ์ ประเด็นหนึ่งที่ถือว่าเป็นประเด็นสำคัญก็คือโภชนาการของคุณแม่ เนื่องจากเจ้าตัวน้อยในครรภ์จะสามารถรับสารอาหารจากสิ่งที่คุณแม่รับประทาน ดังนั้นนอกจากอาหารเหล่านั้นจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายของคุณแม่ได้โดยตรงแล้ว ยังส่งผลต่อพัฒนาการของลูกน้อยในครรภ์ทางอ้อมอีกด้วยค่ะ วันนี้บทความของเราพาคุณผู้อ่านมาดูถึงสารอาหารประเภทหนึ่งที่นับว่าเป็นสาอาหารสำคัญสำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ คุณผู้อ่านบางท่านอาจคุ้นหูหรือเคยผ่านตามาบ้างแล้ว สารอาหารดังกล่าวก็คือโฟเลตนั่นเอง เจ้าสารตัวนี้จะมีความสำคัญต่อทั้งร่างกายของคุณแม่และทารกในครรภ์อย่างไรบ้าง เราไปทำความรู้จักมันไปพร้อมๆกันได้เลยค่ะ💁‍♀️


ทำความรู้จักกับโฟเลตเบื้องต้น

โฟเลตนั้นเป็นวิตามินชนิดหนึ่งที่สามารถถูกจัดกลุ่มได้ว่าอยู่ในกลุ่มวิตามินบี ซึ่งเป็นกลุ่มที่ละลายในน้ำ มีความอ่อนไหวต่อการสัมผัสกับแสงอาทิตย์☀️ ความร้อน♨️ และอากาศ บางท่านอาจคุ้นเคยกับสารที่มีชื่อคล้ายๆกันนั่นก็คือโฟลิคนั่นเอง ก่อนอื่นต้องบอกว่าโฟเลตกับโฟลิคนั้นถือเป็นสารคนละตัวกัน โฟลิคนั้นเป็นกรดประเภทหนึ่ง บางท่านจึงอาจเรียกว่ากรดโฟลิคได้ ซึ่งถือเป็นสารองค์ประกอบของโฟเลต หากจะพูดให้เห็นภาพก็คือโฟเลตนั้นมีองค์ประกอบคือกรดโฟลิคนั่นเองค่ะ นั่นหมายความว่าไม่ว่าเราจะรับประทานกดโฟลิคเข้าไปหรือรับประทานโฟเลตเข้าไปตรงๆ หากระบบของร่างกายดำเนินไปอย่างเป็นปกติ เราก็จะได้รับประโยชน์ของการรับประทานโฟเลตนั่นเองค่ะ

ทำไมคุณแม่ควรรับประทานโฟเลต

  1. เนื่องจากโฟเลตนั้นมาจากการเปลี่ยนสภาพของกรดโฟลิค ซึ่งประโยชน์ของกรดโฟลิคนั้นเกี่ยวกับการเจริญเติบโตของทารกโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นการช่วยรักษาสภาพของสารพันธุกรรม🧬และการแบ่งตัวของเซลล์ร่างกายทารก ในขณะที่กำลังเจริญเติบโตในครรภ์นั่นเองค่ะ

  2. ทั้งกรดโฟลิคและโฟเลตส่งผลต่อการเจริญเติบโตของทารก👶 รวมไปถึงความสมบูรณ์ของเนื้อเยื่อรกของคุณแม่อีกด้วย

  3. เป็นสารอาหารที่ส่งผลต่อการสร้างเม็ดเลือดแดง🩸 เม็ดเลือดขาว และไขกระดูกของทารกในครรภ์

หากทารกขาดกรดโฟลิคหรือโฟเลต จะเกิดอะไรขึ้น

  1. เสี่ยงต่อความพิการที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาทและสมอง🧠 ไม่ว่าจะเป็นการบกพร่องของสมองเอง จนไปถึงไขสันหลัง ระบบประสาทส่วนกลาง รวมถึงความสมบูรณ์ของกะโหลกศีรษะอีกด้วย

  2. ทารกมีความเสี่ยงที่จะมีความผิดปกติของเม็ดเลือดแดง ไม่ว่าจะในแง่ของขนาดเม็ดเลือดหรือประสิทธิภาพในการทำงาน

  3. ทารกมีความเสี่ยงที่จะมีโรคประจำตัวในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ🫀 ไขมันอุดตันเส้นเลือด โรคคอเลสเตอรอลสูง โรคความดันโลหิตสูง จนไปถึงโรคเบาหวานค่ะ


    ปริมาณและช่วงเวลาที่แนะนำสำหรับคุณแม่1️⃣สำหรับปริมาณที่แนะนำสำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์🤰 ควรรับประทานกรดโฟลิคอยู่ที่ 0.8 มิลลิกรัมต่อวัน แต่ไม่ควรมากเกินกว่า 1 มิลลิกรัมต่อวัน  2️⃣สำหรับช่วงเวลาที่แนะนำ⏰สำหรับการรับประทานกรดโฟลิคสูงถึงปริมาณดังกล่าว สามารถรับประทานได้ตั้งแต่ช่วงที่วางแผนไว้ว่าจะมีบุตรได้เลย หรืออย่างน้อยต้องก่อนที่จะตั้งครรภ์ 1 เดือน และรับประทานต่อไปในปริมาณดังกล่าว 3 เดือนหลังทราบว่าตั้งครรภ์แล้วค่ะ เพราะป็นช่วงที่ระบบประสาทและสมองของทารกกำลังมีการพัฒนา

อันตรายของการรับประทานกรดโฟลิคและโฟเลตที่มากเกินไป

หากรับประทานกรดโฟลิคหรือโฟลตที่มากเกินไปนั้น มีแนวโน้มที่สารดังกล่าวจะไปยับยั้งการทำงานของวิตามินบี 12 ซึ่งก่อให้เกิดผลข้างเคียงอื่นๆตามมา โดยอาจมีอาการดังต่อไปนี้

  1. รู้สึกไม่อยากอาหาร ขมในปาก ท้องอืด รู้สึกอึดอัดเพราะมีแก๊สในกระเพาะอาหาร บางรายอาจควบคู่ไปกับอาการเวียนศีรษะ😵‍💫

  2. รู้สึกตื่นเต้น กระสับกระส่าย มีปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับ และอาจมีภาวะซึมเศร้าร่วมด้วย😢

  3. สำหรับผู้ที่มีอาการรุนแรง อาจมีอาการชาหรือคันยุบยิบตามร่างกาย รู้สึกอ่อนเพลีย มีอาการเจ็บปวดภายในช่องปากและลิ้น👅

     อ่านมาถึงตรงนี้ คุณผู้อ่านจะเห็นแล้วนะคะว่า ถึงแม้กรดโฟลิคหรือโฟเลตเองถือว่าเป็นสารอาหารที่มีความจำเป็นต่อคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ รวมไปถึงร่างกายของเราทุกคนด้วย (ในปริมาณที่ต่ำกว่าคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์) แต่หากได้รับมากเกินไปก็อาจก่อให้เกิดโทษได้เช่นกัน ดังนั้นหากจะรับประทานในรูปแบบอาหารเสริม ก็ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำและการดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญค่ะ👩‍⚕️