คุณแม่อาจเคยได้ยินกับภาวะน้ำคร่ำมากมาก่อนกันบ้างใช่ไหมคะ ดังนั้นวันนี้ทางเราจึงได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับภาวะน้ำคร่ำมากมาให้คุณแม่ทราบ เรามาหาคำตอบกันพร้อมๆกันค่ะ💁♀️
ภาวะน้ำคร่ำมาก คืออะไร?
✨ภาวะน้ำคร่ำมาก (Polyhydramnios)
“น้ำคร่ำ” มีบทบาทสำคัญในการตั้งครรภ์อย่างมาก นั่นก็คือ น้ำคร่ำจะทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกัน🛡️ทารกและป้องกันสายสะดือไม่ให้ถูกกด น้ำคร่ำทำให้ทารกมีพื้นที่ในการขยับไปมาเพื่อเสริมสร้างระบบกระดูกและกล้ามเนื้อให้เติบโตได้ปกติ นอกจากนี้ การที่ทารกกลืนน้ำคร่ำยังเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาระบบทางเดินอาหาร การที่ทารกหายใจ น้ำคร่ำก็เป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาของปอด🫁อีกด้วย ปกติน้ำคร่ำจะมีปริมาตร 30 ซีซี ที่อายุครรภ์10สัปดาห์ เพิ่มเป็น 200 ซีซีที่ 16 สัปดาห์ และเพิ่มเป็น 800 ซีซีที่ช่วงอายุครรภ์กลางไตรมาสที่สาม จนถึง 40 สัปดาห์ หลังจากนั้นปริมาณน้ำคร่ำจะค่อยๆ ลดลง ซึ่งภาวะน้ำคร่ำมากผิดปกติ พบได้ 1-2% ของการตั้งครรภ์ทั้งหมด
ภาวะน้ำคร่ำมาก เกิดจากอะไร?
👉6 สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะน้ำคร่ำมาก
ทารกในครรภ์มีความผิดปกติแต่กำเนิด : ไม่ว่าจะเป็นความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร ระบบประสาท🧠 หัวใจ หรือไตที่ผิดปกติ
มารดาที่ตั้งครรภ์เป็นเบาหวาน
ทารกครรภ์แฝด👯♂️
ทารกมีภาวะซีด
ทารกมีภาวะติดเชื้อในครรภ์🦠
ไม่ทราบสาเหตุ
อาการและวิธีการรักษาภาวะน้ำคร่ำมาก
อาการ
- สตรีมีครรภ์ที่มีภาวะน้ำคร่ำมาก มักมีอาการหายใจลำบาก เหนื่อย😰 นอนราบไม่ได้ ขาบวม บางรายที่มีอาการรุนแรง จะมีปัสสาวะออกน้อย อาจมีการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด หรืออาจเกิดถุงนำคร่ำแตกก่อนกำหนด เกิดภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด ตกเลือดหลังคลอด
วิธีการรักษา
- เนื่องจากภาวะน้ำคร่ำมากมีหลายสาเหตุ การรักษาจึงต้องรักษาตามแล้วแต่สาเหตุ หากมีภาวะน้ำคร่ำมากโดยไม่มีภาวะแทรกซ้อน สามารถสังเกตอาการต่อไปได้ แต่หากน้ำคร่ำมาก ทำให้มีภาวะแทรกซ้อน เช่น เจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด หรือมารดามีภาวะหายใจลำบาก😮💨 อาจต้องมีการเจาะระบายน้ำคร่ำออก เพื่อลดปริมาณน้ำคร่ำค่ะ
ทราบกันแล้วใช่ไหมคะว่าถึงแม้ภาวะน้ำคร่ำมากผิดปกติจะพบได้น้อยเพียง 1-2%ในคุณแม่ตั้งครรภ์🤰 แต่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งภาวะที่มีความอันตรายต่อทารกภายในครรภ์ ดังนั้นคุณแม่ควรหมั่นสังเกตความผิดปกติต่างๆที่อาจเกิดขึ้นเสมอนะคะ