post-title

Uterine Receptivity Test ตัวช่วยสำหรับผู้ที่มีภาวะมีบุตรยาก

     คุณแม่ทราบไหมคะว่าในปัจจุบันมีเทคโนโลยีมากมายที่นำมาใช้ในการรักษาภาวะมีบุตรยาก โดยเราเรียกเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยในเรื่องนี้ว่า เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ ซึ่งทางเราได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดมาให้คุณแม่ทราบพร้อมๆกันแล้วค่ะ💁‍♀️


มาทำความรู้จักกับ Uterine Receptivity Test กัน!

✨Uterine Receptivity Test  (URT) 

คือ การตรวจความพร้อมของเยื่อบุโพรงมดลูกก่อนที่จะย้ายตัวอ่อนเข้ามาฝังตัวอยู่ที่โพรงมดลูก โดยการทดสอบนี้จะเป็นการดูความหนาของเยื่อบุโพรงมดลูก และวิเคราะห์ยีน🧬ที่เกี่ยวกับความพร้อมในการฝังตัวของเยื่อบุโพรงมดลูกทั้ง 238 ยีนไปพร้อมๆ กัน ซึ่งเป็นความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ช่วยให้คู่สมรสได้มีบุตรสมดังความปรารถนา👶 โดยเอาเชื้ออสุจิมาผสมกับไข่ข้างนอก เพื่อสร้างตัวอ่อนและย้ายกลับเข้าไปที่มดลูกเพื่อให้เกิดการตั้งครรภ์ แต่การจะตั้งครรภ์นี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเรื่องของตัวอ่อนเพียงอย่างเดียว ยังมีปัจจัยอื่นที่สำคัญไม่แพ้กันด้วยนั่นคือ ความพร้อมของเยื่อบุโพรงมดลูก ที่จะใช้เป็นที่ฝังตัวของตัวอ่อน 


ข้อดีของการ Uterine Receptivity Test 

👉สามารถช่วยเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ให้สูงขึ้น

จากการวิจัยได้พบว่าผู้ที่ทำการตรวจดังกล่าว พบว่า Uterine Receptivity Test ผลผิดปกติ จะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียงแค่ 10 – 15 % เท่านั้น แต่สำหรับผู้ที่เข้ารับการตรวจดังกล่าวพบว่า Uterine Receptivity Test ผลปกติ โอกาสในการตั้งครรภ์จะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 50 % 🤰หรือมากกว่านั้นทันที และที่สำคัญมากกว่าคือเรื่องของการแท้ง การตรวจผลผิดปกติจะมีอัตราการแท้งบุตร100 % เลยทีเดียว


ใครบ้างที่เหมาะกับการตรวจ แบบ Uterine Receptivity Test?  

ผู้ที่เหมาะสมที่จะเข้ารับการตรวจแบบ Uterine Receptivity Test ควรมีลักษณะดังนี้

  1.  ไม่ประสบผลสำเร็จในการรักษาภาวะการมีบุตรยากมาแล้ว ทั้งๆ ที่ตัวอ่อนมีความสมบูรณ์ คือทำการใส่ตัวอ่อนมาหลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่ตั้งครรภ์🙅‍♀️

  2.  เป็นคู่สมรสที่มีอายุมาก👵 เพราะคนที่มีอายุมากตัวอ่อนนั้นเริ่มมีจำกัด ดังนั้นการจะใส่ตัวอ่อนแต่ละครั้งก็จึงต้องพิจารณาความพร้อมของเยื่อบุโพรงมดลูกให้พร้อมที่สุดจริงๆ ก่อนแล้วจึงค่อยทำการใส่ตัวอ่อน ซึ่งตรงจุดนี้ Uterine Receptivity Test เข้ามาช่วยในเรื่องนี้ได้ดีมากทีเดียว

  3. ไม่ต้องการรักษานานและบ่อยครั้ง เพราะการเดินทางมารักษาแต่ละครั้งนั้นคนไข้มักจะมาพร้อมความกังวลใจและความเครียด🤯 ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อการรักษาเรื่องการมีบุตรยากแน่นอน อีกทั้งความเครียดมีผลต่อการตั้งครรภ์ด้วย

     สรุปแล้วจะเห็นได้ว่าการตรวจความพร้อมของเยื่อบุโพรงมดลูกก่อนการฝังตัว หรือ Uterine Receptivity Test นี้ เป็นเทคนิคที่มีประโยชน์มาก ไม่น่ากลัวไม่ยุ่งยากซับซ้อน คุณแม่จึงไม่ต้องวิตกกังวลใดๆ การตรวจทดสอบนี้จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจหากคุณแม่กำลังมีปัญหาเรื่องของการมีบุตรยาก👶 ซึ่งอาจนำเทคโนโลยีนี้ไปพิจารณาไว้เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการแก้ปัญหาของคุณแม่ได้ค่ะ