post-title

วิธีรับมือเมื่อลูกเป็นโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง

     เป็นที่ทราบกันดีว่าร่างกายของเจ้าตัวน้อยนั้นมักจะมีความบอบบางและอ่อนไหวต่อสิ่งแวดล้อมรอบตัวเป็นพิเศษ วันนี้เราจึงพาคุณผู้อ่านมาดูถึงอีกหนึ่งประเด็นที่เกี่ยวกับความอ่อนไหวทางสุขภาพร่างกายของทารก👶 ซึ่งก็คือการที่ทารกเป็นโรคภูมิแพ้ผิวหนังนั่นเองค่ะ สำหรับโรคนี้นั้น เกิดขึ้นได้อย่างไร เป็นอันตรายหรือไม่ สามารถปล่อยให้หายเองได้หรือไม่ บทความนี้มีคำตอบให้คุณผู้อ่านค่ะ เราไปเริ่มทำความรู้จักกับโรคนี้เบื้องต้นกันเลยค่ะ💁‍♀️


โรคภูมิแพ้ผิวหนังเกิดขึ้นได้อย่างไร

โรคนี้เกิดจากปัจจัยกระตุ้นบางอย่างที่ทำให้ผิวของเจ้าตัวน้อยสูญเสียความชุ่มชื้น ทำให้ผิวแห้งและมีแนวโน้มที่จะเกิดการอักเสบตามมา ความรุนแรงนั้นก็ขึ้นอยู่กับระยะที่เป็นโรค รวมไปถึงอายุของเด็กด้วย เพราะเด็กในแต่ละช่วงอายุก็จะมีบริเวณที่เกิดอาการแตกต่างกันออกไปค่ะ สำหรับทารกที่มีอายุน้อยกว่า 2 ขวบมักเกิดอาการดังกล่าวบริเวณใบหน้า คอ แขน และขาด้านนอก🦵 รวมไปถึงบริเวณข้อมือข้อเท้า แต่ในเด็กที่โตขึ้นมักไม่ค่อยพบบริเวณใบหน้า แต่จะพบมากขึ้นบริเวณข้อพับ นอกจากนี้ผื่นยังหนาขึ้นกว่าวัยเด็กเล็กอีกด้วยค่ะ

 ✨ ปัจจัยที่ก่อให้เกิดโณคภูมิแพ้ผิวหนังในเด็ก

  • ปัจจัยภายใน เกิดจากความผิดปกติของสารพันธุกรรม🧬ที่ควบคุมเกี่ยวกับความชุ่มชื้นของผิว พูดง่ายๆว่าเป็นสิ่งที่ติดตัวมากับทารกตั้งแต่เกิดนั่นเองค่ะ

  • ปัจจัยภายนอก เกิดจากการที่ผู้ป่วยมีโปรตีนชนิดหนึ่งในร่างกายที่เรียกว่าแอนติบอดี้ ซึ่งเป็นหนึ่งตัวละครสำคัญที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย🛡️ค่อนข้างสูงภายในกระแสเลือด โดยชนิดของแอนติบอดี้ที่มีปริมาณมากคือแอนติบอดี้ชนิด IgE ซึ่งทำให้ผู้ป่วยมีอาการภูมิแพ้ค่ะ

    ✨ อาการที่สังเกตเห็น

  • มีผื่นแดงขึ้นที่ผิว และมีอาการบริเวณที่เกิดผื่นควบคู่ไปด้วย โดยบริเวณที่เกิดผื่นจะขึ้นอยู่กับความแตกต่างของช่วงอายุ ตามที่กล่าวไปแล้วในหัวข้อก่อนหน้าค่ะ

  • บางรายมีอาการอักเสบร่วมด้วย และเกิดขึ้นอย่างเรื้อรัง เดี๋ยวเป็นเดี๋ยวหายค่ะ

  • ในบางรายอาจมีอาการภูมิแพ้อาหารร่วมด้วย ซึ่งอาการคือมีเสียงหายใจที่ผิดปกติ ถ่ายอุจจาระ💩แล้วมีเลือดปน


    แนวทางการรักษาในเด็ก

  • ดูแลความสะอาดของผิวร่างกายร่วมกับการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ภายใต้การดูแลของแพทย์ผิวหนัง เพราะในผู้ป่วยที่มีอาการภูมิแพ้นั้น ผิวหนังมักไวกับการตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมกว่าปกติ ทำให้การดูแลผิวตามปกติอย่างการอาบน้ำทำความสะอาด🚿ด้วยผลิตภัณฑ์ทั่วไปอาจทำให้อาการรุนแรงกว่าเดิมค่ะ

  • แพทย์อาจให้ยาใช้ภายนอกหรือยาทาร่วมด้วยในการรักษาค่ะ

  • สำหรับผู้ป่วยบางรายที่มีอาการคันหรือระคายเคืองผิวหนัง แพทย์อาจมีการจ่ายยาที่ใช้ภายใน หรือยาที่ใช้รับประทาน💊ควบคู่ไปด้วยเพื่อลดอาการคัน ผู้ป่วยจะจะได้ไม่เผลอไปเกาบริเวณผื่น ซึ่งเร่งให้อาการอักเสบทวีความรุนแรงขึ้นค่ะ

  • สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการภูมิแพ้ผิวหนังพ่วงกับอาการแพ้อื่นๆ แพทย์👩‍⚕️จำเป็นต้องดูแลรักษาตามอาการที่พ่วงมาด้วยค่ะ


    วิธีการป้องกันโรคภูมิแพ้ผิวหนังในเด็ก

เนื่องจากโรคภูมิแพ้ผิวหนังนั้นเกิดจากความผิดปกติของร่างกายเด็กเอง ไม่ใช่เพียงการรับเชื้อหรือติดเชื้อก่อโรค🦠ภายนอกร่างกาย จึงยังไม่มีวิธีการป้องกันการเกิดโรคได้อย่างแน่ชัด แต่หากถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคภูมิแพ้ผิวหนัง หรือผิวหนังมีความอ่อนไหวต่อสิ่งแวดล้อมภายนอกมากกว่าปกติ จะมีแนวทางการปฏิบัติเพื่อดูแลรักษาร่างกายดังนี้ค่ะ

  • หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีแนวโน้มที่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองต่อผิวหนัง ไม่ว่าจะเป็นในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกายและเสื้อผ้า ไม่ว่าจะเป็นสบู่🧼 โฟมล้างหน้า แชมพู ยาสีฟัน ผงซักฟอก ที่ควรเลือกใช้เป็นสูตรอ่อนโยนสำหรับผู้แพ้ง่าย จนไปถึงหลีกเลี่ยงการใช้น้ำหอม

  • หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องนอนและการใส่เครื่องแต่งกายที่มีเนื้อผ้าระคายผิว รัดร่างกายมากเกินไป ระบายอากาศและความร้อนได้ไม่ค่อยดี👕

  • ดูแลรักษาความสะอาดของร่างกาย ไม่ให้เกิดความอับชื้น🛀 หมักหมม ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งบ่มเพาะต่อเชื้อก่อโรคได้ค่ะ

     โรคภูมิแพ้ผิวหนังเองถือว่าเป็นโรคที่สามารถก่อให้เกิดอาการได้อย่างเรื้อรัง พูดง่ายๆว่าเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้นั่นเอง แต่หลังการรักษาอาการจะรุนแรงและรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ป่วยน้อยลง อย่างไรก็ตาม หากเจ้าตัวน้อยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคดังกล่าว ควรปรึกษาแพทย์👩‍⚕️สำหรับวิธีการดูแลลูกน้อย ไม่ควรซื้อยามาใช้เองไม่ว่าจะเป็นยารับประทานหรือยาทา ทุกกระบวนการรักษาควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญค่ะ