post-title

วิธีกล่อมลูกนอน ทำแบบนี้ลูกหลับง่าย สบายทั้งคืน!

     กิจกรรมหนึ่งที่ถือเป็นสิ่งที่ท้าทายคุณผู้ปกครองอย่างมากก็คือการส่งเด็กๆเข้านอน😴 ด้วยความที่เจ้าตัวน้อยของเรานั้นมีอุปนิสัยที่แตกต่างกันออกไป บางคนหลับง่าย บางคนมีพลังงานล้นเหลือ แม้จะส่งเข้านอนแล้วก็ยังไม่ยอมนอนหลับเสียที วันนี้บทความของเราจึงพาคุณผู้อ่านมาดูถึงกิจกรรมที่มีส่วนช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ส่งเด็กๆเข้านอนได้ง่ายมากยิ่งขึ้น จะมีกิจกรรมอะไรบ้างนั้น เราไปดูพร้อมๆกันเลยค่ะ💁‍♀️


บรรยากาศของห้องนอน

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้เจ้าตัวน้อยของเรารวมถึงตัวเราเองนอนหลับได้ดี นั่นก็คือบรรยากาศของห้องนอนค่ะ🛌 โดยบรรยากาศที่ทำให้ห้องนอนของเราน่านอน ประกอบไปด้วยสิ่งต่างๆดังนี้

ห้องนอนต้องเงียบ🤫 

ขึ้นชื่อว่าห้องนอนแล้วสิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือความเงียบ เพื่อทำให้ร่างกายของเราเข้าสู่สภาวะสงบได้มากที่สุด ความเงียบในที่นี้ไม่นับรวมถึงเสียงอื่นๆที่สร้างขึ้นเพื่อกล่อมเด็กนอน อย่างเสียงเล่านิทานของพ่อแม่ หรือเพลงบรรเลงเบาๆเพื่อกล่อมนอน คุณพ่อคุณแม่สามารถเลือกใช้เสียงใน 2 ลักษณะที่กล่าวมาแบบเบาๆได้ค่ะ

ห้องนอนต้องมืด🌌 

แม้อาจจะมีหลายๆท่านที่โดยปกติแล้วนอนเปิดไฟ แต่จากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์หลายๆอย่างนั้นก็ยืนยันว่าการนอนหลับในที่มืด นอนหลับแบบไม่มีแสงรบกวนนั้นทำให้ผู้นอนมีประสิทธิภาพในการนอนที่เต็มที่มากกว่า หากเจ้าตัวน้อยของเรากลัวความมืดจริงๆจนนอนไม่หลับ ก็อาจแก้ปัญหาโดยการเปิดไฟแสงส้มสลัวๆแทนการเปิดไฟแสงขาวจ้าๆค่ะ

ใช้น้ำมันหอมระเหย🪻

 เพื่อสร้างกลิ่นที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย บางบ้านอาจใช้เทียนหอมก็ไได้เช่นเดียวกัน แต่หากกลัวอันตรายจากการจุดไฟก็สามารถใช้น้ำมันหอมระเหยที่มาในรูปแบบของ Diffuser ไม่ว่าจะเป็นแบบเสียบก้านหอมหรือใส่เข้าไปในเครื่องพ่นความชื้นก็ได้เช่นเดียวกันค่ะ


    ทำกิจกรรมต่างๆให้เป็นกิจวัตร

    การฝึกฝนให้ร่างกายของเราได้ทำอะไรเหมือนเดิมทุกวันจนเป็นกิจวัตร จะเป็นการฝึกและบอกร่างกายว่า ณ เวลานี้เรากำลังใช้ชีวิตอยู่ในช่วงใดของวัน หากเข้าสู่ช่วงเวลาที่ทำกิจกรรมเดิมๆก่อนนอนในแต่ละวัน ก็จะเป็นการบอกร่างกายว่าหากได้ทำกิจกรรมนี้ แปลว่าใกล้ได้เวลาที่จะเข้านอนแล้ว ร่างกายของเราก็จะเริ่มเข้าสู่สภาวะสงบและง่วงนอนไปเอง กิจกรรมเหล่านั้นจะมีอะไรบ้าง ไปดูกันต่อเลยค่ะ

รับประทานอาหารก่อนนอน🍽️ 

ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการรับประทานอาหารก่อนนอนแบบกะทันหัน เช่น การรับประทานอาหารก่อนนอนเพียง 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น เพราะการกระทำเช่นนี้เป็นบ่อเกิดของโรคกรดไหลย้อนในอนาคตได้ ควรเว้นระยะห่างไว้อย่างต่ำประมาณ 2 ชั่วโมงก่อนนอนค่ะ

อาบน้ำก่อนนอน🛀 

การอาบน้ำจะทำให้ร่างกายของเรารู้สึกสดชื่นและผ่อนคลาย เมื่ออาบน้ำเสร็จและเตรียมตัวนอนทันที ร่างกายของเราจะเข้าสู่สภาวะสงบ พร้อมนอนได้ไม่ยากนัก เช่นเดียวกับเจ้าตัวน้อยของเรานั่นเองค่ะ

ทำโยคะก่อนนอน🧘‍♀️ 

โยคะในที่นี้ไม่จำเป็นต้องต้องเป็นท่ายากๆเลยค่ะ จะนับว่าเป็นการยืดเส้นยืดสายเงียบๆก่อนนอนก็ได้ เพราะหลังยืดเส้นยืดสาย กล้ามเนื้อของเด็กๆจะผ่อนคลายมากขึ้น และระหว่างที่ยืดเส้นยืดสายก็จะทำให้ร่างกายเข้าสูสภาวะสงบ ง่ายต่อการนอนหลับเช่นเดียวกันค่ะ


กล่อมเด็กๆด้วยตัวเอง

โดยปกติแล้ว เด็กๆที่ยังถือว่าเป็นเด็กเล็ก ยังไม่แยกห้องนอนหรือพึ่งเริ่มต้นแยกห้องนอนได้ไม่นาน จะมีอาการติดผู้ปกครองอยู่แล้ว ดังนั้นหากไม่มีคุณพ่อคุณแม่อยู่ใกล้ๆก็อาจนอนไม่หลับ คุณผู้ปกครองอาจสามารถใช้วิธีการกล่อมเด็กๆให้เข้านอนได้ดังนี้ค่ะ

เล่านิทานก่อนนอน📖

การเล่านิทานให้ลูกฟังบ่อยๆก่อนนอนจะช่วยให้ลูกรู้สึกผ่อนคลาย แถมยังเป็นการทำให้ลูกสนิทมากขึ้นกับคุณพ่อคุณแม่ด้วยนะคะ

ร้องเพลงหรือเปิดเพลงกล่อมเด็กคลอตามเบาๆ🎶

เปิดเสียงบรรยากาศบางอย่างที่ก่อให้เกิดความผ่อนคลายคลอตามเบาๆ บางท่านอาจรู้จักเสียงเหล่านี้ในชื่อ ASMR หรือ white noise นับเป็นเสียงที่มีความถี่สม่ำเสมอ สร้างความผ่อนคลายและความเพลิดเพลินได้ ยกตัวอย่างเช่น เสียงพัดลม เสียงน้ำตก💦 เสียงน้ำไหลเบาๆ

     อ่านมาถึงตรงนี้ คุณผู้อ่านก็จะเห็นแล้วนะคะว่ามีวิธีส่งเด็กๆเข้านอน😴ที่หลากหลายมากให้ทุกท่านเลือกใช้ เจ้าตัวน้อยแต่ละคนก็อาจชื่นชอบหรือเหมาะสมกับวิธีการที่แตกต่างกันไป หากเป็นครอบครัวที่ยังไม่แยกห้องนอน คุณผู้ปกครองยังนอนกับเด็กๆอยู่ก็อาจเลือกใช้เป็นวิธีที่ตนเองชื่นชอบส่วนตัวได้เช่นเดียวกันค่ะ