post-title

คาร์ซีทเด็ก เลือกยังไงให้เหมาะกับช่วงวัยของลูก?

     คุณผู้อ่านคงเคยได้ยินหรือเคยอ่านข่าวเกี่ยวกับอุบัติเหตุทางรถยนต์กันมาบ้างใช่ไหมคะ🚙 หากลองคิดว่าบนรถยนต์ทุกคันที่เราขับขี่กันในชีวิตประจำวันตามท้องถนนนั้น ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อให้เด็กๆนั่ง พูดง่ายๆคือที่นั่งอาจไม่ได้เอื้ออำนวยต่อสรีระและขนาดตัวของเด็กๆ ในเด็กเล็กนั้น ผู้ปกครองอาจใช้วิธีการให้นั่งตักบนที่นั่งที่เดียวกับผู้ปกครองเสียด้วยซ้ำ หากเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนขึ้น แม้จะคาดเข็มขัดนิรภัยแล้วแต่เด็กๆก็ยังมีโอกาสเป็นอันตรายอยู่ดี สิ่งที่เรียกว่า “คาร์ซีท” (Car seat) นั้นจึงถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวค่ะ คาร์ซีทถูกแบ่งออกเป็นกี่ประเภท มีวิธีการใช้งานอย่างไรบ้าง บทความนี้มีคำตอบให้คุณผู้อ่านค่ะ💁‍♀️


ความสำคัญของการใช้คาร์ซีท

ถึงแม้เราจะทราบกันดีว่าคาร์ซีทสามารถลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุได้ในระดับหนึ่ง และหลายๆครอบครัวก็เริ่มสนใจที่จะใช้มากขึ้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าคาร์ซีทนั้นเป็นสินค้าที่ค่อนข้างมีราคา ซึ่งมีตั้งแต่หลักพันจนไปถึงหลักหมื่นบาทเลยทีเดียว บางครัวเรือนจึงอาจแก้ปัญหาด้วยการอุ้มเด็กหรือให้เด็กนั่งตักอยู่ขณะขับขี่ อย่างไรก็ตาม ตามกฎหมายพระราชบัญญัติจราจรทางบก ฉบับที่ 13 พ.ศ. 2565 ได้มีการระบุไว้อย่างชัดเจนว่า เด็กที่อายุไม่เกิน 6 ปีหรือสูงไม่เกิน 135 เซนติเมตร ผู้ปกครองจำเป็นต้องจัดหาที่นั่งนิรภัยหรือที่นั่งพิเศษสำหรับเด็ก (คาร์ซีท) เพื่อป้องกันอันตรายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ หากฝ่าฝืนจะมีโทษปรับ 2,000 บาทตามกฎหมาย💵 ซึ่งหากเทียบราคาดูแล้ว ยอมลงทุนซื้อคาร์ซีทหลักพันสักตัวหนึ่งดูจะเป็นทางเลือกที่คุ้มค่ากว่าการเสียค่าปรับสูงถึง 2,000 บาทใช่ไหมล่ะคะ

👉หลักเกณฑ์เบื้องต้นในการเลือกคาร์ซีท

  1. ควรเลือกรูปแบบคาร์ซีทให้เหมาะสมตามช่วงอายุ สรีระ น้ำหนัก ส่วนสูงของเด็กที่จะใช้งาน

  2. เป็นคาร์ซีทที่ได้มาตรฐานความปลอดภัยจากบริษัทผู้ผลิตที่น่าเชื่อถือ🤝 หากเป็นมือสองให้สังเกตว่าสินค้ามีลักษณะสมบูรณ์ ไม่มีรอยบุบร้าวแตก สายรัดและเข็มขัดยังสามารถใช้งานได้ในสภาพดี ไม่ยืดย้วย ไม่ขาด อายุของสินค้าแม้จะผ่านการใช้งานมาแล้วก็ไม่ควรเกิน 6 ปีค่ะ

  3. ในกรณีที่ผู้ปกครองใช้พาหนะเป็นรถยนต์ประเภทรถเก๋ง ควรติดตั้งคาร์ซีทบริเวณเบาะหลัง ไม่แนะนำให้ติดตั้งบริเวณเบาะด้านหน้าหรือเบาข้างที่นั่งคนขับ🚘 เพราะหากเกิดอุบัติเหตุขึ้น มีโอกาสที่เด็กจะได้รับอันตรายจากแรงกระแทกของถุงลมนิรภัยค่ะ


    อายุของเด็กมีผลต่อคาร์ซีทที่เลือก

  • สำหรับเด็กแรกเกิดจนถึงเมื่อเด็กมีอายุได้ 3 ขวบ 🚼 หรือมีน้ำหนักไม่เกิน 15 กิโลกรัม ควรเลือกใช้คาร์ซีทที่เป็นที่นั่งแบบหันหน้าไปทางด้านหลังรถ หรือที่เรียกว่าแบบ Rear-facing นั่นเองค่ะ ซึ่งเป็นประเภทที่ปรับเอนไปกับที่นั่งได้ค่ะ

  • สำหรับเด็กที่มีอายุได้ประมาณ 2-6 ปี 👶 ซึ่งถือว่าโตขึ้นมาหน่อย มีน้ำหนักตัวในช่วง 10-25 กิโลกรัม สามารถเลือกใช้คาร์ซีทแบบหันหน้ามาทางหน้ารถได้ หรือที่เรียกว่าแบบ Forward-facing ค่ะ โดยปกติแล้วคาร์ซีทประเภทนี้จะมาพร้อมกับเข็มขัดนิรภัยในตัวเอง สามารถใช้ได้ค่ะ

  • สำหรับเด็กที่เริ่มโตขึ้นมาหน่อย มีอายุได้ประมาณ 4-12 ปี👦 สามารถเลือกใช้คาร์ซีทที่หันหน้ามาทางด้านหน้าของรถ หรือที่เรียกว่าแบบ Booster forward-facing นั่นเองค่ะ อันที่จริงแล้วคาร์ซีทรูปแบบนี้ก็ค่อนข้างคล้ายคลึงกับแบบ Forward-facing ทั่วไป ต่างกันที่บางรุ่นจะมีการเสริมพนักพิงด้านหลังเรียกว่า Highback-Booster ซึ่งจะเพิ่มความสบายให้เด็กๆเวลานั่ง หรือแบบ Backless-Booster ที่ไม่มีพนักพิงเสริมด้านหลัง แต่สามารถใช้ร่วมกับเข็มขัดนิรภัยของรถยนต์เองได้ค่ะ

  • สำหรับเด็กที่โตขึ้นมาหน่อยเช่นกัน👧 สามารถเลือกใช้คาร์ซีทรูปแบบผสมระหว่างหันหน้าและหันหลังได้ เรียกว่าแบบ Combination ค่ะ

     อ่านมาถึงตรงนี้ คุณผู้อ่านก็จะเห็นแล้วนะคะว่าคาร์ซีทนั้นถือเป็นสิ่งทำเป็นที่ผู้ปกครองที่สัญจรด้วยการขับรถยนต์นั้นต้องมี เป็นปฏิบัติตามกฎหมาย🚏และเพิ่มความปลอดภัยในเรื่องของอุบัติเหตุจากรถยนต์ให้เจ้าตัวน้อยได้ไปในตัว อย่างไรก็ตาม ถึงแม้บทความของเราจะมีหลักเกณฑ์ในการเลือกคาร์ซีทตามช่วงอายุของเด็ก แต่สุดท้ายแล้วคุณผู้ปกครองควรเลือกคาร์ซีทที่เหมาะกับสรีระ ความสูง และน้ำหนักของเด็กเป็นหลัก เนื่องจากอายุที่ยกตัวอย่างมาเป็นเพียงการคาดคะเนเท่านั้น มีโอกาสที่เจ้าตัวน้อยของเราจะไม่ได้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน จึงควรเลือกตามความเหมาะสมของลูกเราเป็นหลักค่ะ